Honor Your Mother
Notes
Transcript
Honor Your Mother
Honor Your Mother
Slide 0
พระเจ้าสถิตกับท่าน
(และสถิตกับท่านด้วย)
ความจริงในบ่ายวันนี้คือ พระเจ้าทรงประทับอยู่ที่นี่ ท่ามกลางพี่น้องที่มาร่วมใจกันนมัสการพระองค์ ให้เราร่วมใจกัน เข้าเฝ้าพระองค์ด้วยการอธิษฐานเพื่อรับพระวจนะร่วมกันครับ
พระบิดาเจ้า ลูกขอบคุณพระองค์ที่ได้มีโอกาส เข้ามารับพระวจนะ อันทรงชีวิตจากพระองค์ ขอทรงสร้างชีวิตลูกขึ้นบนศิลาที่มั่นคง คือพระเยซู คริสต์ผู้ทรงเป็นพระวาทะ ขอทรงโปรดประทานใจที่ยินดี ระมัดระวังที่จะเชื่อฟังตามพระวจนะของพระองค์ ที่ลูกนั้นจะไม่เป็นเพียงผู้ฟัง เหมือนเพียงส่องกระจกเท่านั้นแต่มีใจเชื่อฟัง และนำสิ่งที่พระองค์ทรงตรัส ไปใช้ในชีวิตของลูกให้เกิดผล ลูกอธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
วันหนึ่งสองแม่ลูกนั่งคุยกัน ลูกกำลังน่ารัก พูดจาฉอเลาะ
กำลังอยู่ในวัยอยากรู้ อยากเห็น เป็นเด็กฉลาด ขนาดอายุ 5 - 6 ขวบ
แม่ ไดอาน่า ก็กลัวลูกที่ซุกซนจะเหงา ก็เลยเอ่ยถามขึ้นมาว่า ลูกเคล่า มานี่ซิ...
แม่ : เหงามั้ยลูก
เคล่า : เหงาเป็นยังไงคะแม่
แม่ : ลูกอยากมีเพื่อนเล่นไหมล่ะ เล่นอยู่กับบ้านเนียะ
เอาล่ะ แม่จะบอกข่าวดี อีกไม่นานหรอก ลูกจะมีน้อง
เคล่า : พอได้ยินก็ดีใจ วันรุ่งขึ้น ไปโรงเรียน ก็เที่ยวไปบอกเพื่อนๆในชั้นเรียนเลย..
แม่ฉันบอกว่า ฉันจะมีน้องไว้เป็นเพื่อนเล่นเวลาอยู่บ้าน
เพื่อน : เออ...ดีๆๆๆ ได้น้องเมื่อไหร่เอามาให้ดูหน่อยนะ
เคล่า : อืมๆ ถ้าได้แล้วจะเอามาให้เธอดู..
(แล้วก็ทวงถามแม่อยู่ทุกวัน...แม่น้องล่ะ...ทวงอยู่3-4เดือน)
แม่ : เอ้าลูกเข้ามาใกล้ๆ...
(ว่าแล้วก็เอาหัวลูกมาแนบกับท้องแม่ แล้วพูดว่า)
ฟังซิ...น้องอยู่ข้างในท้องแม่
เคล่าฟังแล้วก็ไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่หน้าเศร้าๆ
วันรุ่งขึ้นก็ไปโรงเรียน...เจอเพื่อนๆ
เพื่อน : เฮ้ยเป็นไงล่ะ ได้น้องมาแล้วหรือยัง
เคล่า : เพื่อน ลืมไปเลย ลืมไปเลย เราไม่มีน้องอีกแล้ว
เพื่อน : ทำไมล่ะ
เคล่า : ก็เมื่อวานเนี๊ยะ...แม่เรา กินน้องเข้าไปแล้ว!!!!!!
Slide 1 พระธรรมในบ่ายวันนี้ ผมยกมาจากหนึ่งในบัญญัติสิบประการ ในหนังสือ อพยพ บทที่ ยี่สิบ คือ
“จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า เพื่ออายุของเจ้าจะได้ยืนยาวบนแผ่นดิน ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าประทานแก่เจ้า"
อพยพ 20:12
บัญญัติสิบประการของพระเจ้า ที่ทรงประทานให้กับชนชาติอิสราเอล ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์ เริ่มต้นในข้อนี้ โดยเริ่มที่บ้านของเรา ที่ครอบครัวของเรา เป็นคำสั่ง ให้เราทุกคน ให้เกียรติต่อบิดามารดา และเป็นพระบัญญัติแรกและบัญญัติเดียว ที่พระเจ้าสั่งแล้ว เมื่อเราทำตาม ทรงมีพระพรมอบให้ด้วย คือเราจะมีอายุยืนยาว อยู่เย็นเป็นสุขในแผ่นดินที่พระองค์ประทานให้
การจัดงานวันแม่ ที่ทางคริสตจักรจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ก็เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้ลูกๆ ได้มีโอกาสแสดง ความกตัญญูกตเวที ต่อคุณแม่ ซึ่งเป็นการทำตามบัญญัติของพระเจ้า เป็นการให้เกียรติ คุณแม่ของลูกๆ ในคริสตจักร และในชุมชน เป็นการกระทำตามคำสั่งของพระเจ้า ให้ลูกๆ ให้เกียรติพ่อ แม่ ของเรา
มาร์ติน ลูเธอร์ ได้ให้ความหมายของบัญญัตินี้ในหนังสือคำสอนความเชื่อคริสเตียนว่า
"บิดาและมารดา เป็นตัวแทนของพระเจ้า เราควรยำเกรงและรักพระเจ้า ดังนั้นเราจึงไม่ลบหลู่ดูหมิ่น หรือยั่วโทสะบิดามารดาของเรา หรือผู้มีอำนาจในการปกครองทั้งหลาย แต่ควรให้เกียรติท่าน ปรนนิบัติรับใช้ เชื่อฟัง รัก และเทิดทูนท่าน"
ทำไม พระเจ้าจึงให้ความสำคัญกับครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมเชื่อว่าในเกือบทุกๆบ้าน คุณแม่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการดูแลครอบครัว เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในบ้าน
มารและศัตรูของพระเจ้า ต้องการทำลายเราจากภายใน คือสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดคือครอบครัว ซึ่งเป็นหน่วยย่อยที่สุดในความสัมพันธ์ของมนุษย์ด้วยกันเอง ในสังคม และแน่นอนในคริสตจักรด้วยเช่นกัน
เนื่องจากบิดา มารดา เป็นตัวแทนของพระเจ้า มารและศัตรูของพระเจ้าจู่โจมครอบครัว ทำให้ภาระกิจหลักที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้มนุษย์ในความสัมพันธ์ในครอบครัวต้องมีปัญหา เพื่อที่จะทำให้มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ได้
พระคัมภีร์ให้ภาพเปรียบเทียบความรักที่ไม่มีเงื่อนไขระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ เหมือนกับ ภาพความรักของพ่อและแม่ที่มีกับลูก เหมือนอย่างคำอุปมาบุตรหลงหาย ที่ผมได้มีโอกาสแบ่งปันในเดือนที่แล้ว ภาพของคุณพ่อ ที่พระเยซูคริสต์จงใจให้แสดงบทบาทของคุณแม่ ที่รักลูกอย่างไม่มีเงื่อนไข วิ่งไปกอด และจูบ รับลูกน้อยในระหว่างเดินทางเข้าหมู่บ้าน ที่กำลังจะรับความอับอายจากชุมชน
ในความเป็นจริงนั้น ถ้าภาพความรักระหว่างพ่อแม่กับลูกถูกทำให้บิดเบี้ยวไป จากผลของการเติบโตมา ในครอบครัวที่แตกแยก เป็นการยากมากที่เราจะสัมผัสความรักของพระเจ้าได้อย่างถูกต้องและลึกซึ้ง ผู้เชื่อบางคนที่ผมรู้จัก รู้สึกยากมากในการสัมผัสความรักของพระเจ้า แบบเดียวกับความรักของพ่อที่มีต่อลูก เพราะ เค้าไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อ และภาพของพ่อที่เค้ารู้จักมาทั้งชีวิตเป็นขี้เมา และชอบใช้ความรุนแรง
บทบัญญัตินี้เป็นบทบัญญัติแรกที่เกี่ยวข้องกับศีลธรรม เป็นคำสั่งจากพระเจ้าบอกให้เราทุกคน เราทุกคนครับ ที่แน่นอนมีบทบาทเป็นลูกให้มีหน้าที่ทางด้านจริยธรรม ในครอบครัว ก็คือ การให้เกียรติแก่ผู้ที่ให้กำเนิดเรามาบนโลกนี้
ไม่เกี่ยวว่าลูกจะมีความรู้สึกอย่างไรต่อผู้ที่ให้กำเนิดเค้ามา เค้าอาจจะรัก หรือ รู้สึกโกรธอย่างมาก กับพ่อแม่ของตัวเอง ไม่ว่าเค้าจะรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของผู้ที่ให้กำเนิด หรือ รู้สึกขมขื่นใจ และ ไม่พอใจ
เราทุกคนในฐานะที่เป็นลูก ถูกเรียกให้ต้องเคารพ ให้เกียรติ ต่อผู้ที่ให้กำเนิด ซึ่งได้รับบทบาทจากพระเจ้า ให้เป็นคุณครูคนแรกของลูก
การให้เกียรติ ต่อบิดามารดา จึงเป็น จริยธรรมที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของความสัมพันธ์ ระหว่าง ลูก กับ พ่อแม่ ตั้งแต่เมื่อลูกเกิดมาดูโลก จนถึงวันที่พ่อแม่จากโลกนี้ไป หรือแม้กระทั่ง เมื่อพ่อแม่จากโลกนี้ไปแล้ว ลูกก็ยังคงมีหน้าที่ทางจริยธรรมนี้ต่อไป เป็นสิ่งที่ลูกๆ ไม่สามารถหลีกหนี หรือทิ้งความรับผิดชอบนี้ไปได้ แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากับ พ่อแม่ของเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม
หน้าที่ทางจริยธรรมที่พระเจ้ามอบหมายให้กับลูกๆนี้ คือการให้เกียรติต่อบิดามารดา ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
แท้จริงบัญญัติข้อนี้ แทบจะเรียกได้ว่าเป็น จริยธรรมสากล ก็ว่าได้ สำหรับคนทุกเชื้อชาติ หรือศาสนา
Slide 2 บ่ายวันนี้ ผมอยากจะแบ่งปันสามด้านสำหรับการให้เกียรติ คุณพ่อ คุณแม่ผ่านสามคำถาม คือ อะไร ทำไม และอย่างไร สามคำถามที่สำคัญสำหรับการให้เกียรติคุณพ่อและคุณแม่ของเรา
Slide 3 (๑) อะไร การให้เกียรติหมายถึงอะไร
ความจริงมีหลายสิ่ง หลายอย่าง ที่บทบัญญัตินี้ไม่ได้เอ่ยถึงเลย บทบัญญัตินี้ ไม่ได้พูดถึง ว่าลูกๆต้องให้ ความรักต่อพ่อแม่ ไม่ได้บอกหรือสั่งให้ลูกๆต้องมีความรู้สึกดีๆ ในความสัมพันธ์ต่อพ่อแม่ แต่บัญญัติบทนี้เป็นคำสั่ง ว่า จงให้เกียรติ
Slide 3 ภาษาฮีบรู ที่เป็นภาษาในพระคัมภีร์ตอนนี้คำว่า การให้เกียรติ มีรากศัพท์มาจาก คะเวท כבד หมายถึง สิ่งที่มีน้ำหนักมาก คำนี้ไม่ใช่มีความหมายว่า อ้วนนะครับ โปรดอย่าเข้าใจผิด
การให้เกียรติ จึงหมายถึง การที่เรายอมรับ นับถือบุคคล เพราะว่าคนๆนั้น มีส่วนสำคัญ มีน้ำหนักมากในชีวิตของเรา
การให้เกียรติ จึงหมายถึง การที่ยอมให้คนๆนั้น เข้ามามีอิทธิพลในชีวิตของเรา ทั้งทางความคิด ค่านิยม จริยธรรม เป็นบุคคลสำคัญในชีวิตของเรา ให้คนๆนั้นมีสิทธิอำนาจในชีวิตของเรา คำว่า คะเวท มีความหมายใกล้เคียงกับ ศัพท์ทางการทหาร ระหว่าง นายพล กับ พลทหาร นายพลเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อพลทหาร และพลทหารต้องเคารพและเชื่อฟังนายพล การให้เกียรติ ในความหมายนี้ จึงเป็นมากกว่าแค่ การติดดอกมะลิให้กับคุณแม่เนื่องในโอกาสวันแม่ เพียงปีละครั้ง แต่เป็นการให้เกียรติในทุกๆวันและ ในทุกๆโอกาส
จึงไม่แปลกใจที่ในพระคัมภีร์เดิมจึงให้น้ำหนัก กับลูกที่ทำผิดต่อพ่อแม่ เช่นในหนังสือ
Slide 4 อพยพ 21:15, 17 ในข้อที่ 15 “ผู้ใดทุบตีบิดามารดาของตน ผู้นั้นจะต้องถูกปรับโทษถึงตาย" และในข้อที่ 17 “ผู้ใดด่าแช่งบิดามารดาของตน ผู้นั้นต้องถูกปรับโทษถึงตาย" นี่เป็นความสัมพันธ์ในระดับครอบครัว แต่ละคน
Slide 5 และในระดับชุมชนก็มีส่วนด้วยเช่นกัน เกี่ยวกับบุตรที่ดื้อ พบใน เฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 21:18-21 ในข้อที่ 18“ถ้าชายคนใดมีบุตรที่ดื้อและไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเสียงของบิดาของตน หรือเสียงของมารดาของตน แม้ว่าบิดามารดาจะได้ตีสอน เขาก็ไม่ยอมฟัง 19ให้บิดามารดาจับตัวเขา ออกมาหาพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้น ณ ประตูเมืองของเขา 20และพูดกับพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้นว่า ‘บุตรชายของเราคนนี้เป็นคนดื้อและไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเสียงเรา เป็นคนตะกละและขี้เมา’ 21แล้วผู้ชายทุกคนในเมืองนั้น จะเอาหินขว้างเขาให้ตาย ดังนั้นท่านจะได้กำจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน คนอิสราเอลทั้งสิ้นจะได้ยินและเกรงกลัว"
ขอบคุณพระเจ้าครับ ที่เราไม่ได้อยู่ในยุคพันธสัญญาเดิมอีกแล้ว แต่ว่า การเข้าใจในบริบท ของความหมายของคำว่า ให้เกียรติ หรือ คะเวท จึงช่วยให้เราเข้าใจ ว่าทำไมโทษของการไม่ให้เกียรติพ่อแม่ ถึงมีความรุนแรงแบบนั้น
· ความสัมพันธ์ พ่อแม่กับ ลูกในครอบครัวจึงไม่เป็นเพียงแต่เป็นเรื่องส่วนตัว ตามความเข้าใจในยุคปัจจุบัน ความจริงแล้ว พระเจ้าปราถนาให้ชุมชนมีบทบาทในความเลี้ยงดูลูก เหมือนอย่างที่มีคำกล่าวว่า ใช้คนทั้งหมู่บ้านในการเลี้ยงดูเด็กหนึ่งคน
· คริสตจักรก็เป็นชุมชนเช่นกัน เด็กๆในคริสตจักรที่วิ่งเล่นไปมา ถึงแม้ไม่ใช่ลูกของเราเอง บางคนแม้เป็นคนโสด หรือแต่งงานแล้วยังไม่มีลูก ก็สามารถรับบทบาทเป็นแม่ได้ และมีส่วนในการดูแลเด็กๆ เช่น เป็นครูรวี ผู้ช่วยครูรวี หรือแม้แต่เป็นผู้ใหญ่ที่มาช่วยดูแลเด็กๆ
Slide 6 - 7 · แนวคิดเรื่องการให้เกียรติ พ่อแม่ นี้ ส่งผลต่อมายังพันธสัญญาใหม่ อาจารย์เปาโล รีทวีท ใน เอเฟซัส 6:2-3
"จงให้เกียรติบิดามารดาเจ้า นี่เป็นพระบัญญัติข้อแรกที่มีพระสัญญาไว้ด้วย เพื่อเจ้าจะอยู่เย็นเป็นสุขและมีชีวิตยืนยาวในโลก"
Slide 8 ในพระธรรมโคโลสี 3:20 "บุตรทั้งหลายจงเชื่อฟังบิดามารดาของตนในทุกเรื่อง เพราะสิ่งนี้เป็นที่ชอบพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า" แน่นอนการกอด การหอมแก้ม หรือการติดดอกมะลิ เป็นสิ่งที่ดี แต่สำหรับอาจารย์เปาโลแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะให้เกียรติบิดามารดา มากยิ่งไปกว่าการเชื่อฟังและกระทำตามคำสั่งสอนของคุณพ่อคุณแม่
คำว่าบุตร ในที่นี้อาจารย์เปาโลหมายถึง เด็กเล็กๆ เมื่อลูกๆเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ การแสดงออกถึงการให้เกียรติพ่อแม่อาจจะเปลี่ยนแปลงไป นอกเหนือจากแค่การเชื่อฟัง เช่มเมื่อลูกอายุ สี่สิบแล้ว คงไม่เหมาะที่จะเชื่อฟังพ่อแม่ทั้งหมด โดยไม่ได้ใช้วิจารณยานของตนเอง
อาจารย์เปาโลได้ช่วยขยายความเข้าใจ ว่า "การให้เกียรติ เริ่มต้นด้วยการเชื่อฟัง"
แน่นอน การเชื่อฟังเพียงอย่างเดียว ไม่ได้หมายถึงทั้งหมดของการให้เกียรติ แต่การให้เกียรติ พ่อแม่นั้นต้องเริ่มต้นด้วยการเชื่อฟัง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด มีใครเป็นคุณครูคนใหม่ กับนักเรียนในชั้นมั้ยครับ เปิดเทอมใหม่ คุณครูคนใหม่มาที่ RCDC กับเด็กเล็กในชั้นของเธอ สามสิบคน แล้วคุณครูคนใหม่บอกกับเด็กนักเรียนในชั้นทั้งสามสิบคน ว่า ให้เราเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบเป็นเพื่อนกันนะ เป็นอย่างไรครับ คุณครู RCDC ที่มีประสบการณ์ที่นี่ ช่วยตอบหน่อยครับ พอจบชั่วโมงเรียนนั้น คงมีลูกลิงเป็นสิบ ป่ายปีนอยู่ที่ตัว และเล่นหัวคุณครูคนใหม่แน่นอน ใช่มั้ยครับ การให้เกียรติ ต้องเริ่มต้นที่ การเชื่อฟังครับ คุณครูคนใหม่ ถ้าเริ่มต้นสอนในชั้นเรียนต้องเริ่มต้น เข้มงวด ใช่มั้ยครับ เพื่อให้เด็กๆเชื่อฟัง จากนั้นความสัมพันธ์ที่ดีจึงค่อยๆเริ่มต้นขึ้น
ฑ เข้าไปฝึกทหารมั้ยครับ
หรือ เคย เข้าไปฝึกทหารมั้ยครับ
หรือ สำหรับผู้ชายที่นี่ ผมเชื่อว่าผู้ชายทุกคนที่นี่น่าจะ เคยมีประสบการณ์ เข้าไปฝึกทหารบ้างครับ ไม่ว่า จะผ่านการเกณฑ์ทหาร หรือ การเรียนรักษาดินแดน ยังจำประสบการวันแรกที่เราไป เรียนทหารได้มั้ยครับ ครูฝึก ทำอย่างไรครับ ดุ เข้มงวด จริงจัง ไม่ยิ้มเลยใช่มั้ยครับ ลงโทษวินัย ให้เราวิดพื้น ความสัมพันธ์เริ่มต้นที่การเชื่อฟัง เพื่อฝึกวินัย เรา หลังจากเวลาผ่านไปซักพัก เราจะเริ่มรู้สึกว่า ครูฝึกเริ่มมีความเป็นมิตรมากขึ้นใช่มั้ยครับ ลองจินตนาการวันแรกของการฝึก แล้วครูฝึกบอกกับพวกเราสิครับ ว่าเราเป็นเพื่อนกันนะ ไม่ต้องเชื่อฟังเราก็ก็ได้ คิดว่ากองร้อยนั้นจะเป็นอย่างไรครับ
Slide 9 ดังนั้น คำถามว่าอะไร การให้เกียรติต่อพ่อแม่เป็นคำสั่งจากพระเจ้า และ เริ่มต้นจากการเชื่อฟัง
Slide 10 (๒) ทำไม ทำไมลูกต้องให้เกียรติ คุณแม่
แล้วทำไม พระเจ้าต้อง สั่ง ให้ลูกๆ ต้องให้เกียรติ คุณแม่ เป็นคำสั่ง ไม่ได้เป็นเพียงคำสอน หรือ คำแนะนำ เนื่องจากเป็นคำสั่ง ดังนั้น จึงไม่เกี่ยวว่าคุณแม่ของเราทำตัวให้สมกับ การให้เกียรติหรือไม่ เป็นหน้าที่ของลูกที่ต้องให้เกียรติ คุณแม่ และ เป็นสิทธิ์ของคุณแม่ ที่จะได้รับเกียรติจากลูกของเธอ ทำไม?
เป็นเพราะ คุณแม่เป็นผู้ให้กำเนิด ลูกๆ เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของแม่ เหมือนในบทเพลงค่าน้ำนม ที่เรามักจะร้องกัน ในงานวันแม่? แล้วสำหรับคุณแม่ที่อุปการะเด็ก เป็นบุตรบุญธรรม ที่ไม่ใช่ลูกของเธอล่ะ?
หรือเป็นเพราะ ลูกที่เป็นเด็ก มีโอกาสทำความบาปมากกว่าคุณแม่ คุณแม่มีจริยธรรมที่สูงกว่าลูก ลูกเลยต้องให้เกียรติคุณแม่? แต่เราก็รู้ว่าในความเป็นจริง ไม่มีคุณแม่ที่สมบูรณ์แบบ และคุณแม่ ก็เป็นคนบาปหนึ่งคน เหมือนกับลูกของเธอ
หรือเป็นเพราะ ลูกๆต้องมีความกตัญญูรู้คุณคุณแม่? ที่คุณแม่ได้เลี้ยงดูเรามาให้เติบโต แล้ว ในกรณีที่ลูกเติบโตมาโดยที่แม่ของเค้า ทอดทิ้ง ไม่เหลียวแลลูกล่ะ ทิ้งลูกไปตั้งแต่เด็กๆ? แล้วแม่ที่สร้างปม และบาดแผลให้กับลูกๆล่ะ?
แล้วอะไรเป็นเหตุผลสำคัญ ที่พระเจ้าสั่งให้ลูกๆ ต้องให้เกียรติ คุณแม่ของเราครับ
คำตอบคือ หลักการเรื่องสิทธิอำนาจที่เริ่มต้นในครอบครัว เริ่มต้นที่บ้าน เริ่มต้นในความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก เพื่อลูกจะได้เรียนรู้หลักการเรื่องสิทธิอำนาจ คริสเตียนเราต้องยืนหยัดในค่านิยมตามแบบอย่างพระคัมภีร์ที่ถูกต้อง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันครอบครัว
แล้วสิทธิอำนาจหมายถึงอะไรครับ?
มาร์ติน ลูเธอร์ได้ขยายความเข้าใจเรื่องสิทธิอำนาจว่า พระเจ้าต้องการให้เราให้เกียรติบิดามารดา และผู้ปกครองทั้งหลายโดยให้ความเคารพนับถือคนเหล่านี้เสมือนเป็นตัวแทนของพระองค์
Slide 10 ในพระธรรมสุภาษิต 23:22
"จงฟังคำของบิดาผู้ให้กำเนิดเจ้า และอย่าดูหมิ่นมารดาเมื่อท่านแก่ตัวลง"
Slide 11 โรม 3:2
"ฉะนั้น ผู้ที่กบฏต่อผู้มีอำนาจ ก็กำลังกบฏต่อผู้ที่พระเจ้าได้ทรงสถาปนา และผู้ที่ทำเช่นนั้นจะนำโทษมาสู่ตนเอง"
เมื่อพูดถึง คำว่า สิทธิอำนาจ เรามักจะคิดถึงคำนี้ในแง่ลบ เชื่อมโยงไปกับ อำนาจนิยม การบงการ เผด็จการ บ้าอำนาจ ทรราช การใช้อำนาจในทางที่ผิด แสวงหาประโยชน์จากอำนาจเข้าหาตัวเองและพวกพ้อง ใช้อำนาจในการรังแก เอารัดเอาเปรียบผู้ที่อ่อนแอกว่า หรือ ด้อยกว่า
แต่อย่างที่ลุงเบน สอน ปีเตอร์ พาค์เกอร์ สไปเดอร์แมนในภาคแรกไว้ครับ ว่า อำนาจต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ
สิทธิอำนาจ ที่แท้จริง
1. ต้องเกิดจากเจตจำนงเสรี เมื่อบุคคลมอบเจตจำนงเสรี และความสงสัย ของตนให้บนพื้นฐานของความไว้วางใจ
2. ต้องประกอบด้วย อำนาจ และความชอบธรรม สองสิ่งนี้ต้องไปด้วยกัน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้
3. มาจากพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเป็นแหล่งต้นกำเนิดของสิทธิอำนาจที่แท้จริง
ลองจินตการ ถ้าลูกๆ เติบโตมาโดยไม่รู้จักสิทธิอำนาจ ที่ต้องได้รับการปลูกฝังในครอบครัว ลูกๆ ไม่รู้จักและเคารพสิทธิอำนาจของพ่อแม่ที่บ้าน การเคารพกฏหมาย การให้เกียรติต่อกันและกัน สังคมจะเป็นอย่างไร คงเกิดความโกลาหลอย่างมาก สังคมไม่สามารถอยู่ได้อย่างมีระเบียบ และสงบสุข
พระเยซู คริสต์ทรงเป็นตัวอย่างที่ดี ของการใช้สิทธิอำนาจที่มาจากพระเจ้า ทรงมีทั้งอำนาจ และความชอบธรรม ไม่มีใครสงสัยในฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ทรงรักษาคนเจ็บ ฟื้นชีวิตให้กับคนที่ตาย ทรงมีอำนาจในการสยบธรรมชาติ พายุ ไม่ทรงใช้อำนาจของพระองค์เพื่อพระองค์เอง แต่ทรงใช้เพื่อการไถ่ การช่วยกู้มนุษย์ให้รอดจากบาป โดยความชอบธรรมของพระองค์เอง สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อที่เราจะได้รับความรอดพ้นจากโทษทันของความบาป เพื่อที่เราจะสามารถคืนดีกับพระเจ้า รับชีวิตนิรันดร์ รอดพ้นจากบึงไฟนรก
พระเยซูทรงใช้สิทธิอำนาจของพระองค์ เพื่อปลดปล่อยให้เราเป็นไท เป็นอิสระ
คุณแม่ ครับ เรามีรูปแบบการเลี้ยงดูลูกของเราอย่างไรครับ ควบคุม ครอบงำ บงการ ต้องทำทุกอย่าง เตรียมทุกอย่างให้กับลูกของเรา แม้ว่าเค้าจะเริ่มโตและรับผิดชอบเองได้แล้ว อยู่หรือเปล่าครับ
การใช้สิทธิอำนาจของเราในฐานะแม่ของลูก ควรจะใช้ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับลูกของเราว่า โดยการคาดหวังว่า วันหนึ่งข้างหน้า เค้าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ เป็นอิสระจากเรา ผู้เป็นแม่ตามวุฒิภาวะ และอายุของเค้า ให้เค้าสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ และสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีวินัยโดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยเราอีกต่อไป นั้นคือการใช้สิทธิอำนาจที่พระเจ้าปราถนา
คุณแม่เป็นเพียงผู้อารักขา ลูกของเรา ซึ่งเป็นของขวัญที่พระเจ้ามอบให้เพื่อเสริมสร้าง และเตรียมความพร้อมลูกของเรา คุณแม่ไม่ใช่เจ้าของชีวิตของลูก พระเจ้าต่างหากทรงเป็นเจ้าของชีวิตของลูกของเราอย่างแท้จริง
Slide 12 ดังนั้นในข้อที่สอง คำถามว่าทำไม ทำไมลูกต้องให้เกียรติแม่ เพราะการให้เกียรติแม่ เป็นการกระทำเพื่อรักษาไว้ซึ่งสิทธิอำนาจในครอบครัว เนื่องจากพระเจ้าเป็นผู้สถาปนาสิทธิอำนาจ พระองค์ทรงเป็นแหล่งของสิทธิอำนาจที่แท้จริง
Slide 13 (๓) อย่างไร ลูกจะให้เกียรติ คุณแม่ของเราอย่างไร
การให้เกียรติ โดยปราศจากความรัก ต่อกัน ก็เป็นเหมือนหุ่นยนต์ แข็งกระด้าง ถูกบังคับ และบางครั้งอาจเต็มไปด้วยความขมขื่นและ ความโกรธอยู่ภายใน
ในทำนองเดียวกัน การให้ความรัก โดยปราศจากการให้เกียรติ เปรียบเหมือนความรักที่ไม่มีหลักการ ขาดกระดูกสันหลังที่มั่นคง นำทิศนำทางที่ถูกต้อง ความรักแบบนี้ก็จะนำไปสู่ความไร้ระเบียบ วินัย และความพินาศในท้ายที่สุด
การให้เกียรติด้วยความรักแด่คุณแม่จึงเป็นเหมือนเส้นใยทางจริยธรรมที่ถักทอ และยึดโยงครอบครัวเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อที่ครอบครัวจะมีโครงสร้างที่ช่วยเสริมสร้างความรัก ความอบอุ่น และช่วยสมานแผลในเวลาที่ไม่เข้าใจกัน และขัดแย้งในครอบครัว เพื่อท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าครอบครัวจะเผชิญสถานการณ์ใดๆก็ตาม จะยังคงอยู่ได้ ด้วยพื้นฐานของการให้เกียรติต่อกัน ความไว้วางใจ และ ความไว้เนื้อเชื้อใจ ในครอบครัว
(เงียบสักพัก)
แน่นอน ไม่มีครอบครัวไหนที่สมบูรณ์ ไม่มีแม่คนไหนในโลกนี้ที่สมบูรณ์ ไม่เคยทำผิด โดยเฉพาะกับลูกของเรา หลายคนในที่นี่อาจจะไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ บางคน ไม่ได้เติบโตมากับแม่ ด้วยเหตุผลบางอย่าง บางคนได้รับบาดแผลจากการเลี้ยงดูจากแม่ที่ดุ เกรี้ยวกราด โมโหร้าย บางคนอาจจะถูกทำร้ายร่างกายด้วยซ้ำ เป็นบาดแผลที่บาดลึกในจิตใจ บางคนอาจจะเข้าใจแม่เราผิด คิดว่าไม่รัก เพราะความคิดตอนนั้นเรายังเด็ก ไม่สามารถเข้าใจความจำเป็นบางอย่างของแม่เราได้ เหมือนกับเรื่องที่ผมเล่าในตอนต้นครับ เคล่าเข้าใจผิด ช็อก และเสียใจ เพราะคิดว่าแม่กินน้องเข้าไปในท้อง
Slide 13 ขอบคุณพระเจ้า
วันนี้เรายังมีความหวังครับ ความหวังที่เราจะได้รับจากข่าวประเสริฐ ผมอยากจะหนุนใจ คุณแม่ และลูกๆ ที่นี่ด้วยภาพนี้ครับ ผมอยากให้เราจดจำภาพนี้ไว้ครับ
ชาวญี่ปุ่นมีวิธีในการดูแลสิ่งที่แตกหักไปแล้วให้กลับมาสวยงามอีกครั้งหนึ่งด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์ ให้กับถ้วยชามที่ครั้งหนึ่งเคยใช้งานไม่ได้ แตกร้าว ให้กลับมามีชีวิต และใช้งานได้อีกครั้ง ให้กลับมาได้รับโอกาสใหม่อีกครั้งสำหรับการใช้งาน แทนที่ต้องทิ้งไป กลายเป็นขยะที่ไร้ค่า
เมื่อเราต้องเผชิญกับความเสียหาย ความแตกร้าวในชีวิตในอดีตของเรา สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยแตกร้าวนั้น สามารถนำกลับมาให้ใช้งานได้ และกลับมาสวยงามอีกครั้งได้เช่นกัน
โอกาสที่ผมกล่าวถึงนี้คือ เทคนิคการซ่อมถ้วยชามที่แตกร้าวโดยวิธี คินซูกิ ที่สามารถทำให้ถ้วยชามที่แตกร้าวกลับมาใช้งานได้อีกครั้งหนึ่ง อย่างสง่างาม และมีคุณค่า แม้ว่าครั้งหนึ่งจะเคยเป็นถ้วยชามที่แตกร้าว ใช้งานไม่ได้
คินซูกิ เป็นเทคนิคการซ่อมถ้วยชามที่แตกร้าว โดยการใช้โลหะทองคำ หรือ เงิน เป็นตัวประสานในรอยร้าว และทำให้ถ้วยชามกลับมาใช้งานได้อีกครั้งอย่างสวยงาม
Slide 14 คุณแม่ครับ ลูกครับ คินซูกิของเราก็คือพระเยซูคริสต์ และความหวังใจในข่าวประเสริฐของพระองค์ ที่นำมาซึ่งการคืนดี การให้อภัย การเยียวยารักษา เป็นเหมือนกับโลหะทองคำ ที่มีค่า ช่วยประสานรอยร้าว เพื่อที่เราจะกลับมาเป็นภาชนะที่สวยงามและใช้การได้อีกครั้งหนึ่ง
Slide 15 พี่น้องครับ ผมอยากให้เราจดจำภาพนี้ไว้ เตือนใจว่า ไม่ว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไร แตกร้าว บาดแผล ล้มเหลว หรือผิดพลาดอย่างไรก็ตาม เรายังมีความหวังเสมอในพระเยซู คริสต์ พระองค์ทรงให้อภัย ให้โอกาสเราเสมอ เมื่อเรากลับใจ หันมาหาพระองค์ รับการช่วยเหลือ และยอมจำนนกับพระองค์
ก่อนจะจบคำเทศนา ผมมีเรื่องจริงที่อยากจะแบ่งปัน ให้กับพี่น้องที่นี่ เป็นเรื่องจริงของน้องผู้หญิงสองคน คนหนึ่งเป็นคนไทย อีกคนเป็นคนฮ่องกง ที่ปัจจุบันอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ น้องสองคนนี้ แม้จะเกิดมาต่างชาติ ต่างภาษาแต่กลับต้องเผชิญชะตากรรมในวัยเด็กคล้ายๆกัน ผมขอใช้ชื่อสมมติครับ น้องแข็งแกร่ง กับน้องอดทน ละกันครับ
เล่าเรื่องน้องสองคน
Slide 16 คุณแม่ครับ ไม่มีการกล่าวโทษในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า (โรม 8:1)
คุณแม่ครับ ถ้าเราอยู่ในพระคริสต์แล้วไม่มีการกล่าวโทษ ฟ้องผิด หรือคำตำหนิใดๆ อีกต่อไป คุณแม่สามารถยืนอยู่อย่างมั่นคงได้ โดยผ่านทางความชอบธรรมในองค์พระเยซู คริสต์ และความรักของพระเจ้า เพราะ คุณแม่เป็นลูกสาวที่รักยิ่งของพระองค์ครับ
คุณแม่ครับ ถึงแม้ว่า เราจะรู้สึกฟ้องผิด หดหู่ และล้มเหลวในหลายๆด้าน
ไม่มีการกล่าวโทษเรา เมื่อบ้านของเราต้องยุ่งเหยิง ข้าวของไม่เป็นระเบียบ เพราะลูกๆของเรา คุณแม่ที่มีเด็กเล็กๆจะเข้าใจข้อนี้ดี
คุณแม่ครับ
ไม่มีการกล่าวโทษ เมื่อ เราหมดเรี่ยวแรง ไม่อยากทำ โฮมสคูล ให้ลูกของเราแล้ว
ไม่มีการกล่าวโทษ ในความผิดบาปส่วนตัวของเรา
ไม่มีการกล่าวโทษ เมื่อ เราต้องดูแลลูกที่เลี้ยงยาก และต้องการการเอาใจใส่เป็นพิเศษ
ไม่มีการกล่าวโทษ เมื่อ เราเผลอไปรักลูกคนนึง มากกว่าลูกอีกคนหนึ่งครับ
ไม่มีการกล่าวโทษ เมื่อ เราต้องยุติการตั้งครรภ์ และแท้งลูกในท้องของเรา
ไม่มีการกล่าวโทษ เมื่อ เรารู้สึกว่าพอแล้ว ไม่ต้องการที่จะมีลูกเพิ่มอีกคน
ไม่มีการกล่าวโทษ เมื่อ เราไม่มีความต้องการที่จะรับเด็กมาเป็นลูกบุญธรรม
ไม่มีการกล่าวโทษ เมื่อ เราเห็นภาพการเลี้ยงลูกที่ดี ของคุณแม่อีกคนหนึ่ง และคิดเปรียบเทียบกับของเราเอง ทางเฟสบุค
ไม่มีการกล่าวโทษ ถ้าเรายังทำกับข้าวไม่เป็น
ไม่มีการกล่าวโทษ ถ้าลูกของเรา ดูเหมือนจะ เป็นเด็กที่ไม่ปกติ
ไม่มีการกล่าวโทษ หากสุดท้ายแล้วเราต้องหย่าร้าง หรือ มีลูกโดยที่ไม่ได้แต่งงาน และต้องเลี้ยงดูลูกตามลำพัง
ไม่มีการกล่าวโทษ ถ้าคุณแม่คิดอยู่ตลอดเวลาว่า ชั้นอยากอยู่คนเดียว ใช้เวลาทำในสิ่งที่อยากทำ ตามลำพังโดยที่ไม่มีลูกอยู่ด้วย
ไม่มีการกล่าวโทษ ถ้ารูปร่างของเราต้องเปลี่ยนไป เนื่องจากการมีลูก
ไม่มีการกล่าวโทษ ถ้าเรายังคงล้มเหลวอยู่บ่อยๆ ในการเลี้ยงลูก
ไม่มีการกล่าวโทษ ถ้าลูกของเรา กลายเป็นเด็กที่ดื้อและไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่
ไม่มีการกล่าวโทษ ถ้าเราไม่สามารถจัดงานวันเกิดให้กับลูกของเราได้
ไม่มีการกล่าวโทษ ถ้าเรา ต้องซื้อกับข้าว ไม่สามารถทำอาหารให้ลูกของเราได้
ไม่มีการกล่าวโทษ ถ้าเราอยากมีช่วงหยุดพักไปเที่ยวตามลำพัง โดยที่ไม่มีลูกของเราอยู่ด้วย
ไม่มีการกล่าวโทษ ถ้าเราไม่สามารถพาลูกๆของเราไปเที่ยวพักผ่อนต่างประเทศได้
ไม่มีการกล่าวโทษ ถ้าเรายังรู้สึกเป็นแม่ที่ไม่ดีพอ ในความคิดของแม่ของเราเองหรือ ในความคิดของแม่สามีของเรา
ไม่มีการกล่าวโทษ เมื่อเราถูกสายตาจ้องมอง เวลาที่ลูกของเรากรีดร้องเสียงดังในร้านอาหาร หรือในห้างสรรพสินค้า
and the list goes on
คุณแม่ครับ นี้คือความจริงแห่งข่าวประเสริฐในพระเยซู คริสต์ ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะมีความรู้สึกผิดหรือถูกกล่าวโทษบางอย่างอยู่ ถ้าเราอยู่ในพระคริสต์ เราเป็นอิสระจากคำกล่าวโทษทั้งหมด และให้เราตระหนักถึงความจริงข้อนี้เมื่อใดก็ตามที่เรามีความรู้สึกผิดจากการเลี้ยงลูกของเรา ไม่มี แม่คนไหนที่สมบูรณ์แบบและไม่เคยผิดพลาด ขอบคุณพระเจ้าที่เราพระเยซู คริสต์อยู่ในชีวิตของเรา
ถ้าคุณแม่อยู่ในพระคริสต์ ตัวตนของเรา ที่เป็นคนบาปหนึ่งคนที่อยู่จำเพาะต่อหน้าพระเจ้าที่เป็นองค์บริสุทธิ์ ได้ถูกแทนที่แล้วด้วยความชอบธรรมของพระเยซู คริสต์ ผู้สละพระชนม์เพื่อเราบนไม้กางเขน รับเอาความผิดบาปในชีวิตของเราไปแล้ว
ดังนั้น คุณแม่ครับ ให้เราออกจากที่ประชุมวันนี้ด้วยความเป็นไท เป็นอิสระจากความรู้สึกผิดทั้งสิ้น และรับเอาความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุดจากพระเจ้าในฐานะใหม่ที่เราได้รับในพระคริสต์ คือเราเป็นลูกสาวที่เป็นที่รักของพระเจ้าผู้ทรงเป็นคุณพ่อของเราที่สถิตอยู่ในสวรรค์ อาเมน
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐานครับ
พระบิดาเจ้า ลูกขอบคุณพระองค์ สำหรับ คุณแม่ทุกคนในนี่ ขอบคุณพระองค์เช่นกันสำหรับสมาชิกที่เสียสละ ยินดีรับ บทบาท ความเป็นแม่ เพื่อดูแลชีวิตเด็กๆในชุมชนที่นี่ ในคริสตจักรของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็น คุณครูรวี ครูผู้ช่วย รวมถึงสมาชิก และครอบครัวของสมาชิกที่มีส่วนในการดูแลเด็กๆที่นี่
ขอพระองค์ทรงเสริมกำลังคุณแม่ เหล่านี้ และปกป้องเด็กๆในความดูแลให้เค้าเติบโต อย่างแข็งแรง มีสติปัญญา และเติบโตในเป็นผู้ใหญ่ที่มี วุฒิภาวะในพระคริสต์
ผมอยากจะอธิษฐานเผื่อ คุณแม่ และ ลูกๆที่นี่ ลูกที่เคยได้รับบาดแผลจากวัยเด็ก สำหรับคุณแม่ที่รู้สึกฟ้องผิด จากการเลี้ยงดูลูกของเรา ผมอยากให้ที่ประชุมหลับตาลงซักครู่ สงบนิ่งกับพระเจ้า ให้เราเอาสิ่งนั้น กำไว้ในมือเราครับ ให้เรากำมือทั้งสองข้าง ในขณะที่เราหลับตาอยู่ครับ คิดถึงบาดแผลที่เราอาจเคยได้รับในวัยเด็ก สิ่งที่เรายังรู้สึกว่ายังค้างคาอยู่ รอการให้อภัยอย่างแท้จริง หรือ อาจจะเป็นสิ่งที่เราเคยทำผิด และฟ้องผิดกับลูกของเรา ให้เราแบมือออกครับ อธิษฐานมอบสิ่งนั้น ความรู้สึกนั้นให้กับพระเจ้าครับ ให้พระเจ้ามารับไปครับ และรับเอาความรักที่ไม่มีเงื่อนไขจากพระเจ้า เข้ามาครับ รับการให้อภัยจากพระเจ้าในองค์พระเยซูคริสต์เข้ามาครับ
ข้าแต่พระเจ้า ลูกอธิษฐานเผื่อสำหรับทุกมือที่ แบ ออกในเวลานี้ ขอพระองค์ ผู้ทรงเป็นแพทย์ผู้ประเสริฐ นำการเยี่ยวยารักษา การให้อภัย ความเป็นไท และอิสระจากการฟ้องผิด ที่มารใส่ไว้ เป็นความฟ้องผิด ความอับอาย ที่ เราบางคนในที่นี่ แบกไว้มาตลอดชีวิต บางอย่างที่เป็นความลับ และไม่รู้จะบอกเล่าให้ใครรับฟังได้ ในชีวิตของทุกคนที่แบมือออกที่นี่ ลูกขอยอมจำนนต่อพระองค์ ขอพระองค์เทความรัก สันติสุข ความชื่นชมยินดี และ การให้อภัย ในองค์พระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตของพี่น้องที่นี่ ขอพระวิญญาณบริสุทธ์ิ ทรงตรัสกับแต่ละคนเป็นการส่วนตัว เป็นถ้อยคำแห่งการให้อภัย การรักษา เยียวยา หนุนใจ และเตือนสติ ลูกขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกมือที่แบออก ให้พี่น้องที่นี่ออกไป เป็นคนใหม่ในพระเยซู คริสต์ เป็นลูกที่รักยิ่งของพระองค์ตลอดไป อาเมนครับ
ในเวลานี้ผมอยากจะ อธิษฐานเผื่อ คุณแม่เป็นพิเศษครับ คุณแม่ ที่ยังไม่รู้จักพระเยซู คริสต์ ยังไม่ได้มีโอกาสต้อนรับ พระเยซูคริสต์ เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด คุณแม่ครับ พระเจ้าทรงรัก และห่วงใยชีวิตคุณแม่ เหมือนอย่างที่คุณแม่รักและห่วงใยลูกของเราเอง ต่อไปนี้คุณแม่ ไม่ต้องต่อสู้กับชีวิต ตามลำพัง แต่มีพระเจ้าพระบิดาอยู่ด้วยเสมอ เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข เพราะนี่คือ ข่าวประเสริฐ คือ พระคุณของพระเจ้า ผมอยากใช่เวลานี้สำหรับคุณแม่ที่ต้องการต้อนรับพระเยซู คริสต์เข้ามาในชีวิต ได้มีโอกาสหลับตาลง สงบนิ่ง เปิดใจ และอธิษฐานในใจ ตามผมครับ ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ลูกได้ยินข่าวประเสริฐของพระองค์ ลูกขอเปิดใจออกเพื่อต้อนรับพระเยซู คริสต์เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ในชีวิตของลูก ต่อไปนี้ลูกไม่ต้องเผชิญปัญหาตามลำพังอีกต่อไป ลูกขอละทิ้งความบาปในชีวิตของลูก รับพระคุณพระเจ้า และติดตามพระองค์ตลอดวันคืนในชีวิตของลูก ลูกอธิษฐานทั้งหมดนี้ ในพระนามของพระเยซู คริสต์เจ้า อาเมน