Therefore We do not neglect LOVE

Hebrews  •  Sermon  •  Submitted
0 ratings
· 49 views
Notes
Transcript

พระเจ้าสถิตกับท่าน (และสถิตกับท่านด้วย)

บทนำ

อาทิตย์นี้เป็นการเทศนาครั้งสุดท้ายในพระธรรมฮีบรู อยู่ในฮีบรูบทที่ 13 และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 14 แล้วนะครับ เวลาผ่านไปเร็วมากครับ พระธรรมฮีบรู ซึ่งบางคนก็มีความเห็นว่า มีเนื้อหาที่คล้ายกับบันทึกคำเทศนา ซึ่งเชื่อกันว่าเขียนขึ้นถึงชุมชนผู้เชื่อที่เป็นชาวยิว ครับ

ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาคำเทศนาในบ่ายวันนี้ ผมอยากจะใช้เวลาสั้นๆ ในการสรุปคำเทศนาตลอด 13 สัปดาห์ที่ผ่านมา

พระเยซูคริสต์ทรงดีกว่า และทรงเหนือกว่า ทุกอย่างที่เราเคยรู้จักมา ไม่ว่าจะเป็น ศาสนา ทางเดิมของเรา ความเชื่อเดิม ทัศนคติและ โลกทัศน์ในอดีตที่เราเคยยึดไว้

 พระเยซูคริสต์ทรงเหนือกว่า บรรดาผู้เผยพระวจนะ และทูตสวรรค์ ในบทที่ 1 (1:1-2; 4-6)

 พระเยซูคริสต์ทรงเหนือกว่า โมเสส (3:3) และ โยชูวา (4:8) ในบทที่ สามและ บทที่ สี่

 พระเยซูคริสต์ทรงเหนือกว่า บรรดาปุโรหิตและ มหาปุโรหิตตามแบบอย่างของอาโรน ตามธรรมบัญญัติ ในบทที่ 4, บทที่ 5 และบทที่ 7 (4:14-5:10; 7:1-28)

 พระเยซูคริสต์ทรงเหนือกว่า พันธสัญญาเดิม ความหมายของพันธสัญญา (ที่อาจารย์นพดลได้แบ่งปัน สองด้าน ผูกพันและผูกมัด)

 อธิบายถึงที่มาของระบบถวายเครื่องสัตวบูชา ความร้ายแรงของบาป ความบาปเป็นสิ่งที่เราต้องจ่ายราคา ผลของความบาปคือความตาย ไม่มีการหลั่งเลือด ไม่มีการชำระความบาป

 เราพูดถึง วันลบมลทินบาป หรือ ยมคีโป วิสุทธิสถาน และอภิสุทธิสถาน พลับพลา ที่อาจารย์แอนดรูส์อธิบายอย่างละเอียด ในบทที่ 8 ถึงบทที่ 10 (8:1-10:18)

หนุนใจให้ผู้เชื่อให้มีใจเชื่อฟังและใจกล้าเข้ามาหาพระเจ้าที่พระที่นั่งแห่งพระคุณในอภิสุทธิสถานผ่านทางพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นมหาปุโรหิตนิรันดร์ตามแบบอย่างเมลคีเซเดค

หนุนใจผู้เชื่อให้มีความเชื่อที่พอพระทัยพระเจ้า ใน บทที่ 11 ความเชื่อที่สำแดงออกเป็นการกระทำ ความเชื่อแม้ในสิ่งเพียงเล็กน้อย หรือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของเรา ผ่านตัวอย่างของบรรดาวีรบุรุษและวีรสตรีแห่งความเชื่อในพระคัมภีร์เดิม ซึ่งดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างของความเชื่อที่พระเจ้าทรงพอพระทัย

บทที่ 12 หนุนใจให้ผู้เชื่ออดทนต่อความทุกข์ยากลำบาก ความท้อใจ เมื่อถูกทดลองความเชื่อ การถูกข่มเหงเพราะเหตุแห่งความเชื่อในพระคริสต์ ไม่ท้อถอยในการเดินติดตามพระเจ้า ด้วย สาม จ – จับจ้อง จดจำ และจัดระเบียบ

• จับจ้องที่พระคริสต์ จดจำความรักของพระเจ้าพระบิดา และ จัดระเบียบชีวิต ละทิ้งนิสัยบาปที่ถ่วงชีวิตของเราอยู่

ในบทที่ 12 ครึ่งหลัง ตั้งแต่ ข้อ 14 จนจบบท เป็นคำเตือน ไม่ให้ผู้เชื่อปฏิเสธพระคุณพระเจ้า เพราะว่าแผ่นดินพระเจ้าเป็นของเราแล้ว พระเยซูคริสต์ทรงเป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่ ไม่ปฏิเสธพระคุณพระเจ้าท่ามกลางการทดลอง และการข่มเหงต่อความเชื่อ

หัวข้อคำเทศนาในครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 14 คือ “ดังนั้น เราจึงไม่ละเลยต่อความรัก” ความรักที่เป็นสัญลักษณ์ ของชุมชนของพระเจ้า ความรักที่เป็นเหมือนกับ ตรายี่ห้อ หรือ เครื่องหมายการค้า ของคริสเตียน ชุมชนแห่งความรักที่มีพระเยซูคริสต์ เป็นศูนย์กลางของความสัมพันธ์ในชุมชน

ความรัก ความช่วยเหลือ การหนุนใจซึ่งกันและกันในชุมชนผู้เชื่อ มีส่วนสำคัญอย่างมากในการรักษาความเชื่อใหม่นี้ที่พวกเขาได้ต้อนรับไว้ ความเชื่อที่สำคัญในองค์พระคริสต์ ผู้ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด

เรายังจำได้มั้ยครับ เมื่อครั้งที่เราเป็นผู้เชื่อใหม่ เราต้องการพี่เลี้ยง หรือเพื่อนเดินไปกับเรา อธิษฐานเผื่อเรา คอยตอบคำถามที่เราสงสัย และเหนือสิ่งอื่นใดคือ เป็นเพื่อนที่เดินทางไปกับเราแม้ในยามที่เราต้องเผชิญความท้าทายในความเชื่อใหม่ของเรา ไม่ว่าจากที่ทำงาน เพื่อนๆของเรา หรือแม้แต่ที่บ้าน ในครอบครัวของเรา เพราะไม่ง่ายที่ทุกๆคนรอบตัวเราจะเข้าใจ ในวิถีชีวิตใหม่ ความเชื่อใหม่ ในพระเจ้าที่เราได้รับจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงเปิดเผยให้เราได้เข้าใจ และ ซาบซึ้งในความรักของพระเยซูคริสต์ในชีวิตของเรา

ผมคิดว่า พระธรรมฮีบรูใน ทั้งสิบสามบท รวมถึงในบทนี้ด้วย ก็ยังเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เชื่อใหม่ในคริสตจักรไคร้สตเชิชด้วยเช่นกัน เพราะการเปลี่ยนแปลงความเชื่อ มาพึ่งพาและวางใจในพระคริสต์ ว่ายากแล้ว เป็นงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เปิดตาใจเราให้เห็นสัจจะธรรมความจริง การรักษาความเชื่อ ไม่กลับไปทางเดิม ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายเช่นกัน การรักษาความเชื่อนี้ นอกจากการให้ข้อมูล ความรู้เกี่ยวกับ หลักข้อเชื่อ แล้ว ชุมชนผู้เชื่อ ไม่ว่าจะเป็นชุมชนใหญ่อย่างคริสตจักร หรือ ชุมชนที่ย่อยลงมา ในกลุ่มสามัคคีธรรม กลุ่มเซล กลุ่มแคร์ ก็มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยให้ผู้เชื่อใหม่ยังคงยังความเชื่อไว้ได้

และในท่ามกลางวิกฤตของชุมชนแห่งความเชื่อ ที่ผู้เชื่อกำลังเผชิญอยู่ในเวลานั้น ในบทที่ 13 ได้กล่าวถึง แนวทางการดำเนินชีวิตคริสเตียนในชุมชนของผู้เชื่อ เพื่อที่จะเป็นประจักษ์พยานของพระคริสต์กับโลก ดำเนินชีวิตให้สมกับการทรงเรียกแล้ว ก็ยังเป็นการดำเนินชีวิตที่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้าด้วย

พระธรรมฮีบรู เริ่มต้นด้วยหลักข้อเชื่อ และ จบลงด้วย การดำเนินชีวิตคริสเตียน จะมีประโยชน์อะไร ถ้าเรามีแต่หลักข้อเชื่อ เป็นความรู้ที่อัดแน่นอยู่ในหัวสมองของเรา แต่หลักข้อเชื่อเหล่านี้ไม่สามารถมีผลต่อวิถีการดำเนินชีวิตของเรา ความเชื่อที่ไม่ได้แสดงออกเป็นวิถีชีวิต ความเชื่อที่ไม่ได้สำแดงออกเป็นการกระทำ ก็เปรียบเหมือนกับ ความเชื่อที่ตายแล้ว

วิถีชีวิตภายนอก ต้องมาจาก ชีวิตภายในที่ถูกต้อง

พระธรรมฮีบรูเริ่มต้นตั้งแต่บทที่ 1-10 ด้วยหลักข้อเชื่อ แต่ตั้งแต่บทที่ 12 ตอนท้าย จนถึงบทที่ 13 ซึ่งเป็นบทสุดท้าย พระคัมภีร์พูดถึง วิถีชีวิต ลักษณะชีวิตที่สำแดงออกเป็นความประพฤติภายนอก

พระเจ้ากำลังบอกกับเราว่า เราต้องเปลี่ยนจากข้างในก่อน เริ่มต้นที่ความคิด เปลี่ยนแปลงค่านิยมใหม่ ทัศนคติใหม่ ท่าทีภายในใจที่ถูกต้อง แล้วจึงสำแดงออกเป็นวิถีชีวิตภายนอก เพราะถ้าเราทำตรงกันข้าม พยายามเปลี่ยนเฉพาะพฤติกรรมภายนอก วิถีชีวิตภายนอก ละเลยชีวิตภายใน ท่าทีภายใน ความคิด จะเป็นวิถีชีวิตที่ไม่ยั่งยืน เมื่อต้องเผชิญกับการทดสอบ วิกฤติการณ์ซึ่งจะมาอย่างแน่นอน ทุกอย่างภายนอกที่เป็นฉากหน้าก็จะล้มพัง อย่างไม่เป็นท่า เพราะเป็นวิถีชีวิตใหม่ที่ ไม่มีราก

พระคัมภีร์ตอนนี้กำลังพูดถึง ชีวิตวิถีใหม่ NEW NORMAL จากวิถีชีวิตเดิมที่นำไปสู่ความตาย

SLIDE 2

ลักษณะชุมชนที่พระเจ้าทรงพอพระทัย เป็น NEW NORMAL ของผู้เชื่อ มีอยู่สามประการครับ

คือ ชุมชนแห่งความรักฉันพี่น้อง ชุมชนแห่งความบริสุทธิ์ และ ประการสุดท้าย ชุมชนแห่งการเชื่อฟัง

(1) ชุมชนแห่งความรักฉันพี่น้อง (ข้อที่ 1-3) ในข้อที่ 1 “จงให้ความรักฉันพี่น้องมีอยู่ต่อกันเสมอไป”

ผู้เชื่อได้รับการต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวใหม่ ครอบครัวของพระเจ้า เราต่างเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวนี้

ในภาพท้องถิ่นที่นี่คือ ครอบครัวไคร้สตเชิช กรุงเทพฯ ให้เรามองหน้าคนที่อยู่ซ้ายมือ และขวาของเรา สำหรับพี่น้องที่อยู่ในซูม ให้เราลองคลิกไปที่ แกลอรี่วิว หรือ ดูรูปพี่น้องที่อยู่ในซูม แล้วพูดด้วยกันครับ ว่าเราป็นพี่น้องในพระคริสต์ร่วมกัน พร้อมแล้ว หนึ่งสองสาม “เราเป็นพี่น้องในพระคริสต์ร่วมกัน อาเมน

ชุมชนแห่งความรักที่สำแดงออกเป็นการกระทำ

 ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ต้อนรับคนแปลกหน้า ให้ที่พักพิง อาหาร คริสตจักรที่อยู่ตามบ้าน บรรยากาศเหมือนกลุ่มเซลตามบ้านของคริสตจักรในปัจจุบัน

 คนภายนอกจะสามารถรับรู้ถึง ความรักที่แสดงออก ในชุมชนของผู้เชื่อ

 พระเยซู คือ ยอห์น 13:35 ถ้าเรารักซึ่งกันและกัน เราจึงเป็นสาวกแท้ของพระองค์

 ความรักที่สำแดงออกเป็นการกระทำแม้เพียงเล็กน้อย สามารถนำอีกหลายคนมารู้จักพระเยซู ได้

 ดูแลผู้เชื่อที่ติดคุกเพราะความเชื่อ จัดหาข้าวปลาอาหารให้

 เราระลึกถึงผู้เชื่อที่ต้องโทษจำคุกในความเชื่อของพวกเขา ทั่วโลกมีมากกว่า แสนคน ที่ต้องติดคุกเพราะความเชื่อของพวกเขาในประเทศต่างๆ

ผู้เชื่อไม่สามารถอยู่โดดเดี่ยวตามลำพังได้ เราต่างต้องการกันและกัน ในการเดินกับพระเจ้า

เราต่างต้องการมีใครบางคนในการเดินทางไปพร้อมกับเขาในฤดูกาลของชีวิตนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ บางคนไม่มีงานทำ กดดันจากที่ทำงาน ลดเงินเดือน

ท่ามกลางฤดูนี้ เรามีเพื่อนร่วมเดินทางกับเราหรือยัง เพื่อนในชุมชนแห่งความรักฉันพี่น้อง เพื่อนที่คอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน หนุนใจ เตือนสติ ปรับทุกข์ “สองคนดีกว่าคนเดียว...ด้วยว่าถ้าคนหนึ่งล้มลงอีกคนหนึ่งจะได้พยุงเพื่อนของตนให้ลุกขึ้น” ปัญญาจารย์ 4:9-10

ในช่วงที่ผมต้องศึกษาพระคริสตธรรมในต่างประเทศ อยู่สามปี ช่วงเวลาที่ต้องอยู่ตามลำพัง ห่างไกลจากสมาชิกในครอบครัว ภาระการเรียนอย่างหนัก และต้องปรับตัวกับความเป็นอยู่ ปีแรก เป็นปีที่ยากลำบากที่สุด สำหรับผม ผมอธิษฐานขอกับพระเจ้า เพื่อนร่วมเดินทางในฤดูกาลนี้ในชีวิตของผม พระเจ้าทรงเมตตาและแสนดี ทรงประทานเพื่อนให้ผมสองคนในปีที่สอง เป็นศิษภิบาลที่เรียนพาร์ทไทม์มาหลายปี แต่ตัดสินใจที่จะจบรุ่นเดียวกับผม ทำให้เราสามคนได้มีโอกาสสามัคคีธรรม ปรึกษาการเรียน สะท้อนวิธีคิด และที่สำคัญเป็นเพื่อนที่หนุนใจ อธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกัน มิตรภาพที่ปัจจุบันก็ยังรักษา

มิตรภาพ ชุมชนแห่งความรักกันฉันพี่น้องนี้เป็นสิ่งที่มีค่า เป็นสิ่งที่เราต้องลงทุน เห็นคุณค่า

วันนี้คริสตจักรอยากเห็น ชุมชนแห่งความรักฉันพี่น้อง แบบนี้ที่ ไคร้สตเชิช กรุงเทพฯ เริ่มต้นที่กลุ่มเซลของเรา สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเกิดขึ้นเองได้ ต้องใส่ใจ และตั้งใจ ต้องยอมลงทุนเวลา ทรัพยากร และที่สำคัญที่สุดคือ การเปิดใจ อาเมนมั้ยครับ ชุมชนแห่งความรักฉันพี่น้องเป็นชุมชนที่พระเจ้าพอพระทัยครับ

ในชีวิตความเชื่อของผม ผมเห็นหลายต่อหลายคนที่มักจะเป็นคริสเตียนตามลำพัง ไม่ผูกพันตัวกับคริสตจักร อันตรายอย่างยิ่ง เพราะพระเจ้าทรงเรียกเรามาให้อยู่ร่วมกันเป็นชุมชน หลายต่อหลายคนเมื่อ ออกห่างจากชุมชนแห่งความเชื่อ ไม่มากลุ่มเซล ขาดการนมัสการพระเจ้าร่วมกันเป็นชุมชนในวันอาทิตย์ ก็ยากมากที่จะดำเนินชีวิตคริสเตียนที่เป็นที่พอพระทัย พระเจ้า หลายต่อหลายคนมีชีวิตที่ยุ่งเหยิง ซับซ้อน ในความสัมพันธ์

ผมอยากให้เราเห็นคุณค่าในการเข้าร่วมกลุ่มเซล กลุ่มสามัคคีธรรม บางคนเมื่อไม่เห็นคุณค่าก็คิดแค่ว่า ก็แค่มากินข้าวด้วยกัน กินส้มตำด้วยกัน แต่ความจริงมีมากกว่านั้น มีเพื่อนในชุมชนที่นี่ ที่ร่วมเดินไปกับเราในทุกฤดูกาลในชีวิตของเรา ในยามสุข ยามทุกข์ จะดีแค่ไหนครับ มีคำพยานมากมายที่ผมได้ยินจากกลุ่มเซล เพื่อนที่เดินทางไปด้วยกันในทุกฤดูกาลของชีวิตของเรา

ให้เรายังคงรักซึ่งกันและกันฉันพี่น้อง เป็นการแสดงออกถึงสิ่งที่เราเชื่อ

เรามีหลักข้อเชื่อทั้ง สิบสองบท ที่ผ่านมา แล้ว สิ่งที่เราเชื่อจะส่งผลอย่างไรต่อชีวิตของเรา

ซึ่งคือให้เรารักซึ่งกันและกัน สิ่งที่เราประพฤติ ต้องสำแดงออกถึงสิ่งที่เราเชื่อ

SLIDE 3

ในฤดูหนาวของปี ค.ศ. 1935 สหรัฐอเมริกาตกอยู่ในภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง เป็นยุคเศรษฐกิจตกต่ำ

ขณะที่ศาลในถิ่นยากจนของนครนิวยอร์ก กำลังมีการตัดสินคดีความพิสดารเรื่อง "หญิงสูงวัยอายุใกล้ 60 ขโมยขนมปังหนึ่งถุง"

หญิงผู้มีใบหน้าอิดโรย สีหน้าบ่งบอกถึงความกังวล เสื้อผ้าทั้งเก่าทั้งขาด ผู้พิพากษานามว่า ไฟิโอเรลโล ลา กวาร์เดีย (Fiorello La Guardia) ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีด้วยถามจำเลยว่า

"เจ้าถูกฟ้องข้อหาขโมยขนมปัง จะยอมรับผิดไหม?"

จำเลยตอบอย่างกระอักกระอ่วนว่า

"ใช่ค่ะ ดิฉันเป็นคนขโมย"

ผู้พิพากษาถามต่อว่า "แล้วทำไมเจ้าจึงต้องขโมย คงเป็นเพราะความหิวเป็นเหตุใช่ไหม?"

จำเลยตอบว่า "ใช่ค่ะ ดิฉันหิวมาก แต่หากเพียงเพราะความหิว ของดิฉันแค่คนเดียว ก็คงไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน แต่นี่เป็นเพราะลูกเขยของดิฉันหนีหายไปจากบ้าน ส่วนลูกสาวดิฉันกำลังป่วยหนัก ดิฉันอยากได้ขนมปัง เพื่อหลานสองคน พวกเขากำลังหิวมาก ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาสองวันแล้ว"

เจ้าของร้านขนมปังปฏิเสธที่จะไม่ฟ้อง เขากล่าวกับผู้ว่าการว่า การกระทำนี้เป็นสิ่งที่เลวร้าย และ เธอจะต้องถูกลงโทษเพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้คนอื่นเอาเยี่ยวอย่าง”

ผู้พิพากษากล่าวว่า "กฏหมายเป็นเรื่องของความยุติธรรมสำหรับทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น เจ้าต้องโดนปรับเป็นเงินสิบเหรียญ! หรือจะเลือกติดคุกเป็นเวลาสิบวัน! เจ้าจะเลือกอย่างไหน?

จำเลยตอบว่า "ดิฉันยินดีติดคุกสิบวัน เพราะถ้าดิฉันมีเงินสิบเหรียญ ก็คงไม่ต้องไปขโมยขนมปังถุงนั้น แต่สิ่งที่ดิฉันกังวลที่สุดคือ แล้วใครจะมาดูแลลูกสาวที่กำลังป่วยและหลานสองคนที่ยังเล็ก?"

นายกเทศมนตรีในฐานะผู้พิพากษาตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบเงินออกมาสิบเหรียญ แล้ววางลงไปในหมวกของเขา พร้อมพูดว่า

"นี่คือเงินสิบเหรียญ เจ้าได้รับอิสรภาพแล้ว!"

แล้วเขาก็พูดกับทุกคนที่นั่งอยู่ในศาลว่า "พวกคุณทุกคนในนี้ ต้องโดนปรับคนละห้าสิบเซ็นต์!" ทุกคนสะดุ้งตกใจ ในการตัดสินที่ประหลาดเช่นนั้น ขณะที่เขาพูดต่อ...

"นั่นเป็นเพราะพวกคุณทั้งหลายเย็นชาและแล้งน้ำใจเกินไป จนทำให้เมืองนี้ต้องมีเรื่องน่าอนาถใจเช่นนี้เกิดขึ้น"

ความเงียบได้เข้ามาปกคลุมทุกอณูของห้องตัดสิน แล้วผู้คนก็ค่อยๆทยอยลุกขึ้น พร้อมปรบมือให้กับการตัดสินที่แปลกพิสดารโดยพร้อมเพรียงกัน!

หลังจากที่นายกเทศมนตรีได้วางเงินสิบเหรียญลงไปในหมวก ของตนแล้ว ก็ได้สั่งให้ทุกคนวางเงินลงไป คนละห้าสิบเซ็นต์เป็นเงินค่าปรับ ปรากฏว่าหลาย ๆ คนเต็มใจให้มากกว่านั้น แม้กระทั่งเจ้าของร้านขายขนมปังที่เป็นโจทก์ ก็ยังวางเงินห้าเหรียญลงไปในหมวก!

แล้วนายกเทศมนตรีก็นำเอาเงินที่ได้จากค่าปรับรวม 47.50 เหรียญ ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยในยุคนั้นมอบให้จำเลยไปทั้งหมด!!!

หล่อนรับเงินจำนวนนั้น ด้วยน้ำตาคลอเบ้า พร้อมกล่าวขอบคุณนายกเทศมนตรี และทุกคนที่อยู่ที่นั่น

ในวันสุดท้ายเมื่อเราพบกับองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เราอย่าถูกตำหนิเหมือนอย่างบุคคลต่างๆที่ฟังคำพิพากษานี้เลย ให้เราเป็นครอบครัวพระเจ้า ที่เป็นชุมชนแห่งความรักฉันพี่น้อง

(2) ชุมชนแห่งความบริสุทธิ์ (ข้อ 4-6)

“จงให้การสมรสเป็นที่นับถือแก่คนทั้งปวง และให้เตียงสมรสปราศจากมลทิน เพราะคนที่ประพฤติผิดทางเพศ และคนที่ล่วงประเวณีนั้นพระเจ้าจะทรงพิพากษา ท่านอย่าเป็นคนเห็นแก่เงิน จงพอใจในสิ่งที่ท่านมีอยู่ เพราะพระเจ้าตรัสว่า เราจะไม่ละท่านหรือทอดทิ้งท่านเลย”

 ชีวิตที่บริสุทธิ์ในความสัมพันธ์ในชีวิตแต่งงาน และหนึ่งในความสัมพันธ์ที่พระเจ้าให้ความสำคัญมากที่สุดคือ ในชีวิตสมรส เพราะเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งที่สุดของคนสองคน ที่อยู่ร่วมกัน ตามน้ำพระทัยพระเจ้า ชีวิตสมรส ชีวิตครอบครัวมีความสำคัญมากในชุมชนของผู้เชื่อ

o ซื่อสัตย์ในชีวิตสมรส

o หากชีวิตสมรสของท่าน กำลังมีปัญหา ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ผมอยากให้ท่านเปิดใจ เข้ามารับคำปรึกษากับทีมอาจารย์ ศิษยาภิบาล เราพร้อมที่จะร่วมเดินทางไปกับพี่น้อง เพราะชีวิตสมรสมีความสำคัญอย่างมาก ในชุมชนแห่งความเชื่อ ที่พระเจ้าทรงพอพระทัย

o บางคู่อาจต้องการ ได้รับคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาครอบครัว ผมหนุนใจให้รับการเยียวยารักษา อย่าปล่อยทิ้งไว้ ซุกไว้ใต้พรม คิดว่าไม่เป็นปัญหาใดๆ อย่าให้ชีวิตสมรสที่มีปัญหาเป็นเหตุให้อีกฝ่ายต้องทำบาปในความบริสุทธิ์ทางเพศ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย และพระองค์ไม่สามารถอวยพรชีวิตครอบครัวของเราได้

 ชีวิตที่บริสุทธิ์ ไม่โลภมากในทรัพย์สินเงินทอง

o ไม่มีคนไหนอยากจะอยู่ในชุมชน ที่ต่างคนต่างโลภอยากได้ทรัพย์สินเงินทอง จริงมั้ยครับ

o เราคงไม่อยากจะอยู่ในชุมชนที่ทุกอย่างถูกตีค่าเป็นเงินทอง ในทุกการกระทำ ถูกคำนวณแล้วว่า เราจะต้องได้อะไรกลับคืนมา หรือเราจะต้องเสียอะไร ออกไป ทุกอย่างในความสัมพันธ์ตั้งอยู่บนผลประโยชน์ ต่างตอบแทน

แน่นอน เราไม่ปฏิเสธความสำคัญของทรัพย์สินเงินทอง พระเยซูคริสต์ตรัสสอน ในเรื่องเล่าต่างๆ จำนวนมาก ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินเงินทอง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรา ให้ทรัพย์สินเงินทอง มาแทนที่พระเจ้า มาแทนที่ความสัมพันธ์ต่อกันและกัน เรากำลังมีปัญหา วันนี้เราวางใจในพระเจ้า หรือ เราวางใจในทรัพย์สินเงินทอง เมื่อใดก็ตามที่เราวางใจในทรัพย์สินเงินทอง เมื่อนั้น เราจะโลภ และต้องการทรัพย์สินเงินทอง

ผมเป็นผู้เชื่ออยู่หลายปี กว่าจะตัดสินใจเริ่มต้นถวาย สิบลด อย่างสัตย์ซื่อ ผมยังจำความรู้สึกครั้งแรกที่ถวายสิบลดได้แลยครับ บอกกับตัวเอง บอกกับพระเจ้าว่า มันดูเยอะนะ แต่ทันทีที่เราตัดสินใจถวายให้พระเจ้า พระเจ้าปลดปล่อยเราจากพันธนาการ ความรักเงิน ความโลภ เป็นอิสระ ที่วางใจในพระเจ้า การถวายเริ่มต้นที่สิบลด เป็นการวัดการเติบโตกับพระเจ้า ด้วยเช่นกัน การไว้วางใจพระเจ้าในเงินการจัดเตรียม พระเจ้าไม่ได้ต้องการทรัพย์สินเงินทองของเรา แต่พระองค์ต้องการชีวิตของเราเป็นเครื่องถวายที่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า พระองค์ทรงต้องการใจของเรา เมื่อผมถวายตัวมารับใช้พระเจ้า พระเจ้าทรงดูแลครอบครัวของผมเป็นอย่างดี แม้เราจะไม่ได้มีมากมาย แต่เราก็ไม่ขาดแคลนสิ่งดีใดๆ พระเจ้าไม่ทรงหวงสิ่งดีสำหรับเรา พระเจ้าไม่เป็นหนี้ผู้ใด โดยเฉพาะกับผู้ที่ให้กับพระเจ้าด้วยความจริงใจ และความรัก อาเมนมั้ยครับ

สังคมในโลก บอกกับเราว่า เราต้องการมากกว่านี้

ความเพียงพอ เป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตคริสเตียน ไม่ว่าในชีวิตแต่งงานของเรา ทรัพย์สินเงินทอง

เพราะว่าพระเจ้า บอกว่า พระเจ้าทรงอยู่กับเรา ไม่เคย ละทิ้งเรา

พระเยซู ตรัสว่า ถ้าพระบิดาสามารถดูแลนกในอากาศ แล้วท่านไม่ประเสริฐกว่าพวกมันหรือ? ให้เรา วางใจในการเลี้ยงดูจากพระเจ้า

อาจารย์เปาโล เขียนว่า ให้เราเรียนรู้จักเพียงพอ ไม่ว่าเผชิญความยากจน หรือ ความร่ำรวย

ในข้อที่ สี่ถึงหก ความผิดบาปทางเพศ และ โลภและความรักเงิน

รักเงิน และ และเรื่องเพศ เป็นสองสิ่งที่เราต้องระมัดระวังในการดำเนินชีวิต ผมเห็นบางคนต้องล้มลงในการเดินติดตามพระเจ้า เพราะสองสิ่งนี้

ชุมชนแห่งความบริสุทธิ์ เป็นอิสระจาก ความผิดบาปทางเพศ และ ความโลภรักในทรัพย์สินเงินทอง

ครับ ผ่านไปแล้วสองประการนะครับ ชุมชนแห่งความรักฉันพี่น้อง ชุมชนแห่งความบริสุทธิ์

ประการที่สามครับ

(3) ชุมชนแห่งการเชื่อฟัง (ข้อ 7, 17)

ในทุกๆชุมชน เราต่างต้องการผู้นำชุมชน คริสตจักร ชุมชนผู้เชื่อก็เช่นเดียวกัน

เมื่อพูดถึงคำว่า “ผู้นำ” บางคนเอาภาพ ผู้นำตามกระแสโลก บางคนอาจจะระแวง เป็นภาพของผู้นำที่คิดถึงแต่ประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ผู้นำที่เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ อำนาจนิยม เราจะมีภาพผู้นำตามมุมมองความคิดเดิมที่เราเข้าใจ สาวกของพระเยซูต่างปราถนาจะเป็นผู้นำ ที่ได้รับเกียรติ ถกเถียงกันว่าใครจะนั่งที่ข้างๆพระเยซูคริสต์ เมื่อพระองค์เป็นกษัตริย์ครอบครองชนชาวยิว

ความจริง ภาพผู้นำตามแบบอย่างพระคัมภีร์ ผู้นำ คือ ผู้รับใช้คนทั้งปวง เพื่อประโยชน์ของชุมชน ผู้นำเป็นผู้รับใช้พระเจ้า เป็นผู้เลี้ยง เลี้ยงดูฝูงแกะที่พระเจ้ามอบหมายไว้

ผู้นำมีมีหน้าที่สำคัญอยู่อย่างน้อย สอง ประการ ในพระคัมภีร์ตอนนี้

 ปกป้องเรา ฝูงแกะจากคำสอนเทียมเท็จ (ในข้อที่ 9) “อย่าหลงไปตามคำสอนแปลกๆ ต่างๆ” ปกป้องสมาชิกจากคำสอนเทียมเท็จ ที่ปัจจุบันมาถึงเราได้ง่ายมาก ทางสื่อออนไลน์ และโซเซียลมีเดีย ยูทูป เฟสบุ๊ค ปกป้องผ่านการสอนพระวจนะคำของพระเจ้า คำเทศนาในวันอาทิตย์ ชั้นเรียนพระคัมภีร์ และด้วยชีวิต ที่เป็นแบบอย่าง

 ดูแลชีวิตและต้องกล่าวรายงานกับพระเจ้า (ในข้อที่ 17) “เพราะว่าพวกเขาดูแลรักษาจิตวิญญาณของพวกท่านอยู่อย่างคนที่ต้องถวายรายงาน”

o ผู้เลี้ยง ที่ดูแลแกะที่บาดเจ็บ พันแผลให้ และดูแลจนแกะหายดี

o ผู้เลี้ยง ที่เสี่ยงชีวิต ตามหาแกะที่หลงหาย จนพบและนำกลับบ้าน

o ผู้เลี้ยง ที่ยอมวางชีวิตของตนเอง เพื่อฝูงแกะที่พระเจ้าฝากไว้

o ผู้เลี้ยง ที่เลียนแบบชีวิตตามแบบอย่าง ผู้เลี้ยง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา คือ พระเยซู คริสต์

ชุมชนแห่งการเชื่อฟัง คือ เชื่อฟังพระวจนะพระเจ้า และในพระคัมภีร์ตอนนี้ได้ ในข้อ 17 “จงนบนอบเชื่อฟัง บรรดาผู้นำของท่านทั้งหลาย เพราะว่าพวกเขาดูแลรักษาจิตวิญญาณของพวกท่านอยู่อย่งคนที่ต้องถวายรายงาน จงให้พวกเขาทำงานนี้ด้วยความชื่นชมยินดี ไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์แก่พวกท่านเลย”

ในข้อที่ 7, 8 “จงระลึกถึงบรรดาผู้นำของพวกท่าน ผู้กล่าวพระวจนะของพระเจ้ากับพวกท่าน จงพิจารณาดูผลบั้นปลายชีวิตของพวกเขา แล้วจงเลียนแบบความเชื่อของพวกเขา” พระเยซูคริสต์ทรงเหมือนเดิมทั้งวานนี้ วันนี้และตลอดไปเป็นนิตย์”

ให้เรานบนอบเชื่อฟัง ผู้นำของเรา ผู้รับใช้พระเจ้า เลียนแบบชีวิตผู้นำที่พิสูจน์ด้วยชีวิตของพวกเขาทางความเชื่อ เพราะว่า เขาคือผู้ที่พระเยซูคริสต์ได้มอบหมายภาระกิจให้ดูแลชุมชนของพระเจ้า

พระเยซู คริสต์ ทรงไม่เปลี่ยน ประการสำคัญคือ เราต้องตระหนัก ผู้นำสูงสุดของเราคือ พระเยซู คริสต์ สำหรับ ผุ้นำคนอื่นที่เป็นมนุษย์ หลายครั้งเป็นสิ่งที่ท้าทาย เพราะผู้นำเป็นผู้ที่มีคนมองดู และเลียนแบบชีวิต ว่าเขาใช้ชีวิตอย่างไร

สถานการณ์วันนี้ ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 เป็นบททดสอบผู้นำที่ดีที่สุด

ผู้นำกลุ่มเซลครับ วันนี้ถ้าพระเจ้าถามท่านว่า สมาชิกในกลุ่มเซลท่านแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง สุขภาพฝ่ายวิญญาณยังดีอยู่มั้ย เราตอบกับพระเจ้าได้หรือไม่ เพราะอย่าลืมนะครับ เราต้องกล่าวรายงานกับพระเจ้า ในวันสุดท้าย หรือเรา ละทิ้งฝูงแกะไปแล้ว อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลยนะครับ

การเชื่อฟังจะนำมาซึ่งพระพรในชีวิต เชื่อฟังตามพระคัมภีร์ เชื่อฟังผู้เลี้ยง ผู้นำที่มีส่วนในการดูแลชีวิตของเรา ชุมชนแห่งการเชื่อฟัง จะเป็นชุมชนแห่งพระพร และ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ให้ทุกคนอธิษฐานเผื่อผู้นำ เราต่างต้องการคำอธิษฐานของสมาชิก

“จงอธิษฐานเผื่อเรา เพราะเราแน่ใจว่าเรามีมโนธรรมที่ดีและปราถนาที่จะประพฤติตัวดีงามในทุกเรื่อง”

SLIDE 4

บ่ายวันนี้ พระเจ้ากำลังบอกกับคริสตจักรของพระองค์ที่นี่ ครอบครัวไคร้สตเชิช กรุงเทพฯ ให้เป็นครอบครัว เป็นชุมชนที่พระเจ้าทรงพอพระทัย สามสิ่งครับ พี่น้อง

1. ชุมชนแห่งความรักกันและกัน ฉันพี่น้อง

2. ชุมชนแห่งความบริสุทธิ์

3. ชุมชนแห่งการเชื่อฟัง

หวังว่าจะไม่เป็นเพียงความรู้สมอง แต่หวังเป็นอย่างยิ่งที่สามารถแสดงออกเป็นชีวิตของเรา ในชุมชนของเรา ในครอบครัวไคร้สตเชิชกรุงเทพ

อาจจะใช้เวลาหลายปี สิ่งเหล่านี้ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ชั่วข้ามคืน ไม่มีครอบครัวไหนสมบูรณ์แบบ แต่ โดยพระคุณพระเจ้า เราแต่ละคน กำลังรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตร่วมกัน แต่ให้เราสัตย์ซื่อต่อกันและกัน ในการแสดงความรักต่อกันและกันในความสัมพันธ์

ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน ครับ

ขอพระเจ้าแห่งสันติสุข ผู้ทรงนำพระผู้เลี้ยงแกะยิ่งใหญ่คือพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเราขึ้นมาจากความตาย โดยโลหิตแห่งพันธสัญญานิรันดร์ ทรงให้พวกท่านเพียบพร้อมด้วยสิ่งดีทุกอย่าง เพื่อที่จะทำตามพระทัยของพระองค์โดยทรงทำงานในเรา ให้เกิดผลเป็นที่พอพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์ทางพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริจงมีแด่พระองค์สืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน

Related Media
See more
Related Sermons
See more