Life in the Spirit ดำเนินชีวิตในพระวิญญาณอย่างไร

Christian life  •  Sermon  •  Submitted
0 ratings
· 47 views
Notes
Transcript

พระเจ้าสถิตกับท่าน (และสถิตกับท่านด้วย)

บทนำ

ทำไมคริสเตียนจำนวนมากดำเนินชีวิตด้วยความพ่ายแพ้ ฝ่ายวิญญาณ ขาดพลังและ ไม่เกิดผล

เราเคยสงสัยมั้ยครับ เป็นคริสเตียนมาก็หลายปี ทำไม ดูเหมือนชีวิตฝ่ายวิญญาณของเรายังไม่ไปไหน นิสัยบาปเดิมๆก็ยังคงอยู่ บางครั้งรู้สึกด้วยซ้ำว่ากำลังถดถอย ท้อแท้ หดหู่ ขาดพลัง วันอาทิตย์ก็มานมัสการพระเจ้าด้วยความรู้สึกที่ห่อเหี่ยว บางวันก็ ต้องบังคับตัวเองมา น่าเสียดายที่ สำหรับบางคน หลายต่อหลายครั้งมานมัสการพระเจ้าที่คริสตจักร ต้องกลับออกไปด้วยอารมณ์ที่ยิ่งซึมเศร้า และ หดหู่

คริสเตียนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า วันอาทิตย์มารับพลัง แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตอีกหกวันที่เหลือ โดยที่แบตค่อยๆหมด รอวันอาทิตย์มาชาร์ตพลังชีวิตคริสเตียนต่อ วัฎจักรชีวิตก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้ ไม่ไปไหน

ความจริงแล้วพระเจ้าต้องการให้เราดำเนินชีวิตทั้งเจ็ดวันอย่างมีพลัง เต็มไปด้วยความหวัง ความเชื่อ มีชีวิตที่เกิดผล และ เต็มไป ด้วยความชื่นชมยินดี และสันติสุข แม้ในยามที่ชีวิตกำลังเผชิญกับคลื่นลม และปัญหาชีวิตที่ประดังประเดเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

อะไรคือสิ่งที่พระเจ้าบอกเราในพระคัมภีร์ ที่เราจะมีชีวิตแบบที่เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า มีพลัง เกิดผลและเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี และสันติสุข

การดำเนินชีวิตคริสเตียน เป็นสิ่งที่ง่ายๆ ไม่ได้อะไรสลับซับซ้อนใดๆเลย แต่ ความจริงที่ง่ายๆนี้ ก็ไม่ใช่ความจริงที่ตื้นเขิน แต่เป็นความจริงที่ลึกซึ้ง

นั้นคือ การเดินกับพระเจ้าทุกวัน ดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ ดำเนินชีวิตทุกวันด้วยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นพระวิญญาณของพระคริสต์ เพื่อที่เราจะรับประสบการณ์ ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ และเป็นชีวิตที่เกิดผล เป็นความจริงง่ายๆ แต่ในทางปฎิบัติ เรากลับละเลย และ มองข้ามไป

ยิ่งไปกว่านั้น เรามักจะละเลย พระวิญญาณบริสุทธิ์ มีคำเทศนาน้อยมากที่จะกล่าวถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์

พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่เราจะมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ในองค์พระคริสต์ ผู้ทรงได้มอบสิ่งนี้ให้กับผู้เชื่อแล้วโดย รับมอบชีวิตที่ครบบริบูรณ์นี้แล้ว ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเมื่อใดก็ตามที่เราเข้าใจและกระทำตามความจริงนี้ ชีวิตคริสเตียนของเราจะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ หดหู่และสิ้นหวังอีกต่อไป แต่จะเต็มไปด้วย พลัง ความเข้าใจ ความตื่นเต้น และการผจญภัยไปกับพระองค์ เพราะว่า ในแต่ละวัน แต่ละวินาที เราดำเนินชีวิตอยู่กับพระเยซูคริสต์ ผ่านทางฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ทรงสถิตในเรา

ผมอยากจะอธิบาย เพิ่มเติม และ ขยายความตรงนี้ครับ

เราอยู่ในยุคที่ คนไม่ได้ต้องการแสวงหาศาสนา ยุคที่ศาสนาไม่มีความจำเป็นในการดำเนินชีวิต หลายต่อหลายครั้งศาสนากลายเป็นส่วนเกินในชีวิต มีหลายต่อหลายด้าน สำคัญกว่าศาสนา สิ่งยึดเหนี่ยวในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็น อุดมการณ์ ปรัชญา เศรษฐกิจ การเมือง มีอิทธิพลมากกว่าศาสนา

ความจริงคือ มนุษย์มี ศาสนา มากเกินพอแล้วซะด้วยซ้ำ และสำหรับเขา ทุกๆศาสนาก็เหมือนๆกัน สอนในการดำเนินชีวิตที่เหมือนๆกัน ทำความดี เมตตา หรือรักเพื่อนบ้าน รู้จักการให้อภัย ไม่ละโมบโลภมาก บางคนอาจคิดด้วยซ้ำว่า เราในยุคนี้ ไม่จำเป็นต้องมีศาสนาแล้ว เพราะถึงจะ ไม่มีศาสนาก็เป็นคนดี มีจริยธรรมได้ เช่นกัน

แล้วอะไรคือความแตกต่าง ที่มนุษย์จะสามารถสัมผัสและมีประสบการณ์ได้ พิสูจน์ได้ คำตอบอยู่ใน

การดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ

ประสบการณ์ ในการรับมอบชีวิตที่ครบบริบูรณ์นี้แล้วในองค์พระคริสต์ ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์

แต่ความจริงมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ คนในยุคนี้ปฎิเสธไม่ได้คือ แม้ว่าเขาไม่ต้องการศาสนา แต่ เขาต้องการประสบการณ์ด้านจิตวิญญาณ เพราะลึกๆเขารู้ว่า ต้องมีบางสิ่งบางอย่างมากกว่านี้ พระคัมภีร์บอกว่า พระเจ้าทรงใส่นิรันด์กาลไว้ในจิตใจของมนุษย์ สิ่งที่มนุษย์ แสวงหาและต้องการคือ ประสบการณ์ด้านจิตวิญญาณ

ผู้เชื่อต้องการมีประสบการณ์ กับ พระเจ้า สัมผัสพระเจ้าผ่านการนมัสการ ประสบการณ์พระเจ้าตรัสด้วยผ่านคำเทศนา ประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงชีวิต การทรงเรียก ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับพระเจ้า กับชุมชนของพระองค์ ประสบการณ์การมีส่วนร่วมในมิชชั่น ใช้ชีวิตให้มีความหมายตามแผนงานของพระเจ้า ตามพระประสงค์ของพระองค์

สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มี พระวิญญาณบริสุทธิ์

หากไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ การร้องเพลงนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ ก็เป็นเพียงการมาร่วมคอนเสิรต์ ร้องเพลงร่วมกัน สำหรับนักดนตรี นักร้อง ก็ไม่ต่างกับ กิจกรรม การมารวมตัวกันเพื่อเล่นเป็นวงดนตรี และร้องเพลง สัปดาห์ละครั้ง

หากปราศจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ การมาเข้าร่วมนมัสการในคริสตจักรวันอาทิตย์ ก็เป็นเพียงแค่ มนุษย์ที่มารวมตัวกัน เพื่อประกอบ พิธีกรรม หรือ ศาสนกิจ ท่องบ่น บทอ่านในหนังสือภาวนา เหมือนนกแก้วนกขุนทอง เป็นเพียงการงานของมนุษย์

หากไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว การฟังคำเทศนา ก็เหมือนกับ การมาฟัง ทอค์ทโชว์ มาเอนเตอร์เทนความคิด ความรู้สึกของเรา บางคนบอกว่าเหมือนมาฟัง ไลฟ์ Coach แบบฟรีๆ หรือ การเทศนาก็ไม่ต่างกับ ฟัง TED TALK หรือ บางคนก็มานั่งหลับ หรือ เล่นโซเซียลมีเดีย หรือทำงานอื่นๆ บนมือถือ

หากไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ อยู่ด้วย การมาร่วมสามัคคีธรรมในกลุ่มเซล หรือมา คริสตจักรในวันอาทิตย์ ก็ไม่ต่างอะไรกับการมาพบปะสังสรรค์ สมาคม คลับเฮ้าส์

หากไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้ว การเข้าชั้นเรียนพระคัมภีร์ ก็ไม่แตกต่างอะไรกับ การมารับฟังชุดข้อมูลใหม่ๆ หรือ เตือนความทรงจำในชุดข้อมูลเดิมที่เรารู้อยู่แล้ว เป็นเพียงการดาว์โหลดข้อมูล หรือ มาอัพเดทชุดข้อมูล เป็นเพียงความรู้

พระวิญญาณบริสุทธิ์เพียงผู้เดียว ที่สร้างความแตกต่างในกิจกรรมเหล่านี้ทั้งหมด

เมื่อเราร้องเพลงนมัสการพระเจ้า เราสัมผัส ความรักของพระเจ้า เพิ่มพูนความเชื่อ และไว้วางใจในพระองค์ บางคนขณะร้องเพลงนมัสการพระเจ้า น้ำตาไหล สัมผัสได้ถึงการสวมกวดจากพระองค์ นำมาซึ่งการปลดปล่อย การเยียวยารักษา

พระวิญญาณบริสุทธิ์เพียงผู้เดียว ที่เมื่อเราฟังคำเทศนา บางคำพูด บางประโยคที่เรารู้ว่า พระเจ้ากำลังตรัสกับเรา อย่างเฉพาะเจาะจง เราได้รับคำตอบ ในสถานการณ์บางอย่างที่เรากำลังเผชิญ ในยามที่เรากำลังต้องการคำชี้แนะ หรือ คำปลอบประโลม ให้ความหวัง และ การวางใจพระเจ้า ในปัญหาที่เราเผชิญอยู่

พระวิญญาณบริสุทธิ์ เพียงผู้เดียว ที่เปิดเผยความจริง บางอย่าง เมื่อเรากำลังศึกษาพระคัมภีร์ อ่านพระคำพระเจ้า เมื่อเราเฝ้าเดี่ยว ข้อความบางคำ เหมือนกระโดดออกมาจากพระคัมภีร์ และมีชีวิต เป็นถ้อยคำที่สัมผัสแตะต้อง จิตใจเรา และ เลี้ยงดูจิตวิญญาณของเรา ให้อิ่มเอม

พระวิญญาณบริสุทธิ์นำมาซึ่งการกลับใจ บางคนรับเชื่อพระเยซูคริสต์ เมื่อถามว่าทำไมถึงรับเชื่อ บางครั้งก็ไม่อาจจะอธิบายได้ แต่เขารู้ว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ที่ทำงานในจิตใจของเขา ให้เขามีความเชื่อ พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพยานถึงข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ ภายในจิตใจของเขา

เล่าประสบการณ์ของตัวเองกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ น้ำตาไหล เมื่อฟังข่าวประเสริฐ และต้องการติดตามพระเจ้าองค์นี้ ยอมมอบถวายชีวิตให้กับพระเจ้าองค์นี้ ตัดสินใจกลับมาคริสตจักรครั้งแรก ในรอบหลายปี ในระหว่างที่ฟังคำเทศนา นั่งน้ำตาไหล

การมีประสบการณ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตคริสเตียน

ประสบการณ์ ในการรับมอบชีวิตที่ครบบริบูรณ์นี้แล้วในองค์พระคริสต์ ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นชีวิตคริสเตียนที่เกิดผล และมีพลัง

กิจการ 1:4, 8 “อย่าออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้รอคอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา แต่พวกท่านจะได้รับพระราชทานฤทธานุภาพเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นสักขีพยานของเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย ทั่วแคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”

พระเยซูทรงกำชับสาวกของพระองค์ ก่อนที่จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ว่า อย่าพึ่งทำอะไร จนกว่าจะได้รับ พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงสำคัญมากในการรับใช้ เพราะแม้ว่า สาวกของพระองค์จะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆจากพระเยซู คริสต์ตลอดมากกว่า สามปี และหลังจากที่พระองค์ทรงเป็นขึ้นจากตายแล้ว พระเยซูคริสต์ทรงรู้ว่า การมีแต่ ความรู้ ความเข้าใจ ในพระวจนะ ยังไม่เพียงพอ ในการทำพันธกิจ การเป็นพยานในข่าวประเสริฐของสาวก พวกเขาจำเป็นต้องมี ประสบการณ์ในฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วย

สิ่งสำคัญสำหรับเราคือ เราต้องดำเนินชีวิต รับใช้พระเจ้าด้วย พระวจนะความจริงของพระเจ้า และ พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในเรา เพราะ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราอาศัยแต่เพียง ประสบการณ์ในฤทธิ์เดช พระวิญญาณบริสุทธิ์เพียงอย่างเดียว เราก็อาจจะทำให้เราเข้าป่าไปได้ หลงทาง มีข่าวคราวมากมายนะครับ เมื่อสองปีที่แล้ว ก็มีข่าวที่มีผู้เชื่อที่เป็นผู้หญิงสองคน เก็บศพที่เสียชีวิตไว้ในทาวเฮ้าส์เช่าที่น่าจะทำให้เป็นเหมือนกับคริสตจักร และมีความเชื่อว่า โดยคำอธิษฐานด้วยความเชื่อและฤทธิ์เดช จะทำให้ชายที่เสียชีวิตกลับฟื้นคืนชีวิตได้ เก็บศพไว้หลายวันจนศพส่งกลิ่นเหม็นเน่า ทำให้ชาวบ้าน เพื่อนบ้านทนไม่ไหวต้องแจ้งตำรวจให้ช่วยเข้ามาดำเนินการ

หรือความเชื่อในฤทธิ์เดชการรักษาโดยของประทานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ว่าอธิษฐานวางมือแล้ว ไม่ต้องไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษา บางคนอาจจะหลงไปถึงขั้น หาทรัพย์สินเงินทองจาก ของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีให้เห็นมากมาย ชักชวนให้ผู้เชื่อต้องหลงงมงาย เสียเงินเสียทอง สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นการ Abuse และ ลบหลู่พระวิญญาณบริสุทธิ์ ดังนั้นเราต้องการความจริง ตามพระวจนะพระเจ้าด้วยเช่นกัน

พระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของผู้เชื่อ ช่วยเรา แต่ละคน เพื่อที่เราจะสามารถดำเนินชีวิตให้สมกับข่าวประเสริฐ และ ช่วยเรา แต่ละคนที่อยู่ร่วมกันเป็นชุมชน จะดำเนินชีวิตในชุมชน ให้สมกับเป็นคริสตจักรของพระเยซูคริสต์ในยุคปัจจุบัน

เราแต่ละคน และ ชุมชน คือ คริสตจักรต่าง ต้องการ พระวิญญาณบริสุทธิ์

เราต้องการชีวิต และประสบการณ์ จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อที่เราจะมีส่วนร่วมกันในการถวายเกียรติแด่พระเยซูคริสต์

เราจะสามารถดำเนินชีวิต และ ถวายเกียรติพระเจ้า โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของเรา

พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงกระทำกิจ ในชีวิตของเราแต่ละคน และ กระทำกิจในคริสตจักรของพระองค์ เพื่อที่เราจะเป็นหนึ่งเดียวกัน ในพระคริสต์

พระวิญญาณบริสุทธิ์คือ ใคร

 พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นบุคคล ไม่ใช่แค่พลังงาน เราสามารถมีความสัมพันธ์ได้ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระเจ้าในองค์ตรีเอกานุภาพ มีความเท่าเทียมกันกับพระเจ้า พระบิดา พระเจ้าพระบุตร แม้ว่าบางครั้งบทบาทของพระองค์อาจจะดูเหมือนไม่เด่นชัด สำหรับเรา

& เนื่องจากเราซึ่งเป็นมนุษย์จำกัด เราไม่อาจจะเข้าใจ พระเจ้าตรีเอกานุภาพ ได้อย่างชัดเจน ว่าพระเจ้าพระองค์เดียว ในขณะเดียวกันก็เป็นสามบุคคล พระบิดา พระบุตรและ พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้อย่างไร

& มีคำกล่าวว่า “เมื่อใดก็ตามที่เราไม่เชื่อในพระเจ้าตรีเอกานุภาพ เรากำลังสูญเสียจิตวิญญาณของเรา แต่เมื่อใดก็ตามที่เราพยายามทำความเข้าใจพระเจ้าตรีเอกานุภาพ เราอาจจะเสียสติได้” เพราะมนุษย์จำกัด เป็นสิ่งทรงสร้าง ไม่สามารถจะเข้าใจพระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระผู้สร้าง ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าเหมือนมี หุบเหวที่กว้างจนสุดจะพรรณนากั้นระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์

 พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงเป็นผู้ที่ลงมือกระทำและบันดาลให้สิ่งต่างๆให้เกิดขึ้น ตั้งแต่ปฐมกาล การทรงสร้าง จนถึงการเสด็จมารับสภาพมนุษย์ของพระเยซู คริสต์ ก็โดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าทั้งสามบุคคล พระบิดา พระบุตร และ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ต่างมีสามัคคีธรรมร่วมกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีช่องว่างใดๆระหว่างพระองค์ พระเจ้าสามบุคคลนี้ เป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน ไม่ใช่ พระเจ้าสามพระองค์

& พระบิดา เป็นพระผู้สร้าง ผู้ครอบครองอยู่เหนือทุกสิ่ง พระบุตร เป็นพระผู้ไถ่ และ พระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นผู้ที่ลงมือกระทำ บันดาลให้ทุกสิ่งที่พระบิดาต้องการบังเกิดขึ้น

 พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้ พระเจ้าไม่ได้อยู่ไกลแสนไกลจากชีวิตของผู้เชื่ออีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่พระเจ้าที่ประทับอยู่บนบันลังก์ในสวรรค์สถานที่ไกลโพ้น ห่างไกลจากเราอีกต่อไป เพราะว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงประทับอยู่กับเราที่เป็นผู้เชื่อ พระคัมภีร์บอกว่า เราต่างเป็นพระวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงประทับใกล้ชิดกับเรา มากยิ่งกว่า การเสด็จมารับสภาพมนุษย์ของพระคริสต์ เพราะโดยทางพระวิญญาณ พระองค์ทรงประทับอยู่ในเรา เราจึงสามารถกล่าวได้ พระเจ้าสถิตกับเรา

& ในสมัยพันธสัญญาเดิม พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้ประทับอยู่กับผู้เชื่อทุกคนเหมือนในปัจจุบัน ทรงเสด็จลงมาอยู่กับบางคน ไม่ว่าจะเป็น ผู้วินิจฉัย ผู้เผยพระวจนะ เพื่อสื่อสารกับคนของพระองค์ และ บางครั้งก็ให้มีทักษะพิเศษบางอย่าง สติปัญญาและความเข้าใจเป็นพิเศษ เพื่อที่จะกระทำภาระกิจบางอย่างให้สำเร็จ ตามพระประสงค์ของพระเจ้า

& ใน อพยพ 31:3-5 “และเราได้ให้เขาเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า คือให้เขามีสติปัญญา ความเข้าใจ และความรู้ในงานช่างทุกอย่าง” เพื่อสร้างพลับพลา และ

& เศคาริยาห์ 4:6 “...นี่เป็นพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่ให้ไว้กับเศรุบาเบล ว่า ไม่ใช่ด้วยกำลัง ไม่ใช่ด้วยฤทธานุภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา...” เพื่อให้เศรุบาเบลสร้างพระวิหารให้สำเร็จ

& แต่ในยุคปัจจุบัน พระเจ้าทรงสัญญาว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทับอยู่กับผู้เชื่อทุกคน ในโยเอล 2:28 “ต่อมาภายหลังจะเป็นอย่างนี้ คือ เราจะเทวิญญาณของเรามาเหนือมนุษย์ทุกคน”

แล้วพระเจ้าประทาน พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำไม

อะไรคือ การงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในชีวิตของผู้เชื่อ

 พระเจ้าส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อ เป็นพยานและ ถวายพระสิริสูงสุดแด่พระเยซูคริสต์ และ เพื่อนำเราเขาสู่ความจริงทุกประการ

& พระวิญญาณช่วยให้เรามีความเข้าใจความจริงตามพระคัมภีร์ เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์และไตร่ตรองพระคำ

& ก่อนที่พระเยซูจะถูกตรึงที่ไม้กางเขน พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้นจะทรงสอนพวกท่านทุกสิ่ง และจะทำให้ระลึกถึงทุกสิ่งที่เรากล่าวกับท่านแล้ว” ยอห์น 14:26

 นอกจากนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์นำเราไปสู่ การสำนึกและยอมรับว่าเราเป็นคนบาปต้องการรับการให้อภัย และนำไปสู่การกลับใจใหม่ คือ การหันกลับมารับการอภัยและคืนดีกับพระเจ้า ผ่านทางพระคริสต์ ใน ยอห์น 16: 8-11 “เมื่อพระองค์เสด็จมาแล้ว พระองค์จะทรงทำให้โลกรู้แจ้งในเรื่องความบาป ความชอบธรรม และการพิพากษา ในเรื่องความบาปนั้น คือเพราะพวกเขาไม่วางใจในเรา ในเรื่องความชอบธรรมนั้น คือ เพราะเราไปหาพระบิดา และพวกท่านจะไม่เห็นเราอีก ในเรื่องการพิพากษานั้น คือ เพราะผู้ครองโลกนี้ถูกพิพากษาแล้ว”

& ในเรื่องแผนการความรอด พระเจ้าพระบิดาเป็นผู้ริเริ่ม พระบุตรเชื่อฟังและถ่อมใจลงรับสภาพมนุษย์และเชื่อฟังจนถึงความมรณาที่ไม้กางเขน พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ที่ทำให้เกิดขึ้น คือ นางมารีย์ตั้งครรภ์พระเยซู ด้วยเดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์

& สำหรับเราที่เป็นผู้เชื่อ เริ่มต้นที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงเปิดตาใจเราให้เห็นความจริง ว่าเราเป็นคนบาป ที่ต้องการการให้อภัย กลับใจจากความบาป ผ่านทางการไถ่ของพระเยซูคริสต์ เพื่อที่เราจะกลับคืนดีกับพระเจ้าพระบิดา และรับสภาพใหม่เป็นลูกของพระเจ้า เรียกพระเจ้าพระบิดาว่า อับบา

กลับมาที่พระคัมภีร์ใน โรม 8

ในที่นี่มี ผลอยู่สามประการ ของชีวิตที่ดำเนินในพระวิญญาณ

(1) พระวิญญาณบริสุทธิ์ และช่วยปลดปล่อยเราจากการเป็นทาสของธรรมบัญญัติ ในข้อที่สอง

 “เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ได้ทำให้ท่านพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย”

 พระวิญญาณบริสุทธิ์ ช่วยเราให้เราสำนึกผิดในความบาปของเรา ซึ่งนำไปสู่การกลับใจใหม่ และเข้ามาพึ่งพาพระเยซูคริสต์ เพื่อรับพระคุณ รับการชำระความผิดบาป ทุกครั้งที่เราทำผิดบาป เราจึงเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ในพระคริสต์ เมื่อเราดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ

 ชีวิตที่ปราศพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นการกล่าวโทษ ความอับอาย และทำให้เราถอยห่างออกจากพระเจ้า ถอยห่างออกจากพระคุณพระเจ้า

เมื่อนำไปสู่การกลับใจ เป็นผู้เชื่อแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ยัง คง ทำงานในชีวิตของผู้เชื่อ ขัดเกลาชีวิตผู้เชื่อให้บริสุทธิ์มากขึ้น ให้ดำเนินชีวิตเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า สามารถให้อภัยผู้อื่นได้ และสามารถรักเพื่อนบ้านได้อย่างแท้จริง

& กาลาเทีย 5:16 “แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่า จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ แล้วท่านจะไม่สนองความต้องการของเนื้อหนัง”

(2) พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงชำระชีวิตเราให้บริสุทธิ์ มีชีวิตเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า

& ข้อ 8 “และคนที่อยู่ในเนื้อหนัง จะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็ไม่ได้

& ชีวิตที่เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าคือ เราจะมีชีวิตที่เหมือนกับพระคริสต์มากขึ้น ๆ วันต่อวัน เมื่อเราเดินกับพระเจ้า ในกาละเทีย 5:22-23 ได้พูดถึงผลของพระวิญญาณในชีวิตของผู้เชื่อ เมื่อเขาดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ

& “ส่วนผลของพระวิญญาณนั้นคือ ความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย”

& เพราะว่า พระเจ้าทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ เข้ามาในชีวิตของผู้เชื่อ เพื่อที่เราจะมีสันติสุขกับพระองค์ ความรักของพระเจ้าที่เทเข้ามาในชีวิตของเรา เพื่อที่เราจะสามารถสัมผัสความรัก ความเมตตา จากพระเจ้าได้ นั้นคือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงอยู่ในชีวิตของเรา

(3) พระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นผู้ที่ให้เรามั่นใจในความรอด รับชีวิตนิรันดร์ ไม่ตายอีกต่อไป บนพื้นฐานในงานที่กระทำสำเร็จแล้วที่ไม้กางเขนของพระเยซู คริสต์ พระวิญญาณผู้ซึ่งทำให้เรามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง

& ข้อ 11 “ถ้าพระวิญญาณของพระองค์ ผู้ทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นมาจากตายสถิตในท่านทั้งหลาย พระองค์ผู้ทรงให้พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากตายแล้วนั้น จะทรงทำให้กายซึ่งต้องตายของพวกท่านเป็นขึ้นมาใหม่ โดยพระวิญญาณของพระองค์ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน”

& เอเสเคียล 34 และ 37 พระองค์จะทรงประทานหัวใจใหม่ให้กับเรา และ พระวิญญาณที่ทำให้กองกระดูกแห้งกลับมีชีวิต กลับมีความหวังและชีวิตอีกครั้งหนึ่ง

& พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงประทานชีวิต และนำ ชีวิตให้กลับมีความหวัง และดำเนินชีวิตให้สมกับการเป็นผู้เชื่อ

แล้วเราจะ “ดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ” อย่างไร

กลับมาที่พระคำพระเจ้าครับ โรมบทที่ 8 หลังจาก อาจารย์เปาโลได้เขียนจดหมายฝากใน เจ็ดบทแรก บรรยายถึง ความบาปของมนุษย์ ธรรมบัญญัติของยิว ทุกคนต่างเป็นทาสของบาปและความตาย ทุกคนไม่ว่าจะเป็นยิวหรือคนต่างชาติ และในบทที่ 5 อาจารย์เปาโลได้เปรียบเทียบ ระหว่างอาดัม กับพระคริสต์ อาดัมผู้เป็นตัวแทนของเนื้อหนัง ความบาป การไม่เชื่อฟัง และ พระคริสต์ที่เป็นตัวแทนของความชอบธรรมและการเชื่อฟัง และในบทที่ 6 อาจารย์เปาโลได้เปรียบเทียบ การเป็นทาสของบาป ที่นำไปสู่ความตาย และ การเป็นทาสของความชอบธรรม เป็นทาสของพระเจ้า การชำระให้บริสุทธิ์ และนำมาซึ่งชีวิตนิรันดร์ ในข้อ 23 ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีคือ “เพราะว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา”

ในรูปที่หนึ่ง เมื่อเรายังดำเนินชีวิตฝ่ายเนื้อหนัง คือ อยู่ฝ่ายอาดัม ทาสแห่งความบาป และ เป็นศัตรูกับพระเจ้า

อาจารย์เปาโลได้บรรยาย ชีวิตฝ่ายเนื้อหนัง ไว้ใน กาลาเทีย 5:19 ได้พูดถึงการงานของเนื้อหนัง “การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือ การล่วงประเวณี การโสโครก การเสเพล การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การฉุนเฉียวกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆในทำนองนี้ซึ่งข้าพเจ้าเคยเตือนพวกท่านมาก่อนว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า”

ในโรม บทที่ 7 อาจารย์เปาโลได้ พูดถึงการต่อสู้กับความบาปที่ฝังอยู่ในตัว ในเนื้อหนังซึ่งเป็นตัวแทนของอาดัม ธรรมชาติเก่าในตัวเรา คือ ธรรมชาติของอาดัมในตัวเรา เพราะเมื่อไรที่เราต้องการทำดี เรากลับทำไม่ได้ และ เราไม่ต้องทำบาป แต่เรากลับยังคงทำบาปอยู่ อาจารย์เปาโลกล่าวในข้อที่ 24 ว่า “โอย ข้าพเจ้าเป็นคนน่าสมเพชอะไรเช่นนี้ ? ใครจะช่วยให้พ้นจากร่างกายแห่งความตายนี้...”

ดังนั้นในบทที่ แปด นี้ จึงเป็นบทที่สำคัญ บทหนึ่งในพระธรรมโรม ความจริง ผมอยากให้เรากลับไปอ่านให้จบบทนะครับ หลังจากนี้ เมื่อพี่น้องกลับไปที่บ้าน

บทที่แปดนี้ อาจารย์เปาโลได้กล่าวถึง สิ่งที่สำคัญมาก ในการดำเนินชีวิตคริสเตียน ที่มีพลัง รับมอบอำนาจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือ ชีวิตฝ่ายพระวิญญาณ อาจารย์เปาโลได้พูดถึง การดำเนินชีวิตใน พระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับ การดำเนินชีวิตในฝ่ายเนื้อหนัง

อย่างที่ผมบอกไว้นะครับ ชีวิตฝ่ายเนื้อหนัง ในที่นี้ อาจารย์เปาโลไม่ได้พูดถึง กายภาพเป็นสาระสำคัญ เพราะไม่เช่นนั้น เราจะตกไปสู่ Dualism กายภาพเป็นสิ่งไม่ดี จิตวิญญาณเป็นสิ่งดี ชีวิตฝ่ายเนื้อหนังที่อาจารย์เปาโลพูดถึงนี้ อาจารย์เปาโล หมายถึง การดำเนินชีวิตของอาดัม ภายใต้ทาสของความบาป และความตาย อาดัมจึงเป็นตัวแทนของฝ่ายเนื้อหนัง คือชีวิตที่เป็นปฎิปักษ์กับพระเจ้า ปฎิเสธพระเจ้า ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ไม่ไว้วางใจในพระเจ้า แต่เลือกที่จะพึ่งพาตนเอง ดำเนินชีวิตโดยให้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง เป็นผู้ควบคุมชีวิต

ในข้อที่ เจ็ด บอกว่า “การเอาใจใส่ในเนื้อหนัง คือการเป็นศัตรูกับพระเจ้า”

คริสเตียนจึงมีอยู่สองประเภทด้วยกัน ในรูปที่สอง และรูปที่สาม ความแตกต่างคือ แม้ว่า เขาได้ย้ายเข้ามาสู่แผ่นดินของพระเจ้าแล้ว แต่เขายังคง ดำเนินชีวิตโดยยึดค่านิยมเก่าๆ ไว้ ยังคงนั่งอยู่บนบังลังก์ใจของตนเอง ชีวิตที่ไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลง เป็นคริสเตียนที่ไม่เติบโต ขาดสันติสุข

น่าเสียดายที่ คริสเตียนจำนวนมากอยู่ในประเภทที่สองนี้ แม้เขาจะต้อนรับพระเยซู เข้ามาในชีวิตของเขาแล้ว

การที่เราออกจากอาณาจักรแห่งความมืด เข้า สู่อาณาจักรพระเจ้า

เราไม่ได้กระโดดไปกระโดดมาระหว่างสองอาณาจักร ไม่ใช่

เราเป็นของพระคริสต์แล้ว ครับ

พี่น้องครับ นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ เราแต่ละคนต้องการ พระวิญญาณบริสุทธิ์ คริสตจักรต้องการพระวิญญาณบริสุทธิ์

เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์เพียงผู้เดียวที่ เปิดเผยความจริง นำไปสู่การกลับใจใหม่ อย่างแท้จริง ให้เรายอมลงจากบันลังก์ใจของเรา แล้วให้พระคริสต์นั่งอยู่บนบันลังก์ใจ

อาจารย์เปาโล ให้ภาพของการเดิน ภาษาเดิมให้ภาพของ การเดินไปรอบๆ หรือ เดินแบบขึ้นๆลงๆ

เรากำลังเดินไปกับ เนื้อหนัง หรือ พระวิญญาณบริสุทธิ์

ถ้าเราเดินอยู่ในพระวิญญาณ เรากำลังเดินไปกับ พระเจ้าผู้ทรงเป็นองค์เจ้านาย เ เรากำลังเดินไปในทางพระประสงค์ของพระองค์ เพื่อที่เราจะเห็นผลของพระวิญญาณในชีวิตของเรา เราสามารถรักเพื่อนบ้านได้มากขึ้น ให้อภัยผู้อื่นง่ายขึ้น รับการเยียวยารักษา มีประสบการณ์ในชีวิตที่ครบบริบูรณ์ในพระคริสต์ มากขึ้นๆเรื่อยๆ วันต่อวัน เมื่อเราเดินในพระวิญญาณ

เราค่อยๆเรียนรู้ที่จะ พึ่งพาพระองค์ มากขึ้นมากขึ้น เรื่อยๆ และ พระเจ้าทรงเปิดเผย ความอ่อนแอในชีวิตของเรามากขึ้นๆ เมื่อเราเดินไปกับพระองค์ พระองค์จะค่อยๆ ขัดเกลาชีวิตของเรา ให้ทำตามน้ำพระทัยของพระองค์มากขึ้น

การดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ คือ

การดำเนินชีวิตในทุกๆช่วงเวลา ด้วย การไว้วางใจ และเชื่อฟัง พระเจ้า

คำว่าทุกๆ ช่วงเวลา หมายถึง ทุกด้านในชีวิตของเรา เราไม่ได้ดำเนินชีวิตในพระวิญญาณเฉพาะวันอาทิตย์ ที่เรามาคริสตจักร หรือ เฉพาะเวลาที่เราเฝ้าเดี่ยวอ่านพระคัมภีร์

เราสามารถดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ เมื่อเราไปตลาด ขายของกับลูกค้าของเรา ในที่ทำงาน เวลาที่เราพักผ่อน ออกกำลังกายที่บ้าน กับสามี ภรรยา

เราสามารถดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ เมื่อเรา เรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียน มหาวิทยาลัย นั่งคุยกับเพื่อนๆ ของเรา

เพราะการดำเนินชีวิตในพระวิญญาณคือ

การดำเนินชีวิตในทุกๆช่วงเวลา ด้วย การไว้วางใจ และเชื่อฟัง พระเจ้า

เรียนรู้ที่จะให้พระเจ้านั่งบนบันลังก์ใจของเรา ค่อยๆ เลื่อนตัวของเราลงมานั่งอยู่ที่พระบาทของพระคริสต์

ถ้าเปรียบเทียบพระวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนกับลมที่พัด ชีวิตของเราก็เปรียบเหมือนกับเรือที่ลอยอยู่ในทะเลสาป การดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ คือ การที่เรากางใบเรือออกเต็มที่ เพื่อที่ลมแห่งพระวิญญาณจะสามารถขับเคลื่อนเรือชีวิตของเราให้เคลื่อนไปตามทิศทางลมแห่งพระวิญญาณ ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ที่จะนำชีวิตเราไป เพราะพระเจ้าทรงประทับอยู่กับเราในเรือ เราจึงเรียนรู้ที่จะ วางใจ และเชื่อฟัง มากขึ้น ๆ เรื่อย วันต่อวัน ให้เรามีชีวิตคริสเตียนที่เต็มไปด้วยพลัง และมีประสบการณ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ร่วมกัน ตื่นเต้นกับพระวิญญาณที่จะนำเราไป ขยายขอบเขตชีวิตของเราออกไป

เพราะการดำเนินชีวิตในพระวิญญาณคือ

การดำเนินชีวิตในทุกๆช่วงเวลา ด้วย การไว้วางใจ และเชื่อฟัง พระองค์

ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน ครับ

Related Media
See more
Related Sermons
See more