Do Not Murder ห้ามฆ่าคน
Notes
Transcript
พระเจ้าสถิตกับท่าน (และสถิตกับท่านด้วย)
บทนำ
บ่ายวันนี้ผมจะเริ่มคำเทศนาของผมด้วยการเล่าเรื่องครับ ครั้งที่แล้วผมเริ่มต้นคำเทศนา ด้วยเรื่องราวแผ่นการแห่งความรอดของพระเจ้า บ่ายวันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องราวจากวรรณกรรมสำคัญชิ้นหนึ่งในศตวรรษที่ 19 เรื่องหนึ่งครับ
เล มิเซร้าบบละ (Les Misérables) วรรณกรรมคลาสสิกฝรั่งเศส ประพันธ์โดย วิกเตอร์ ฮูโก ในปี 1856 มีทั้งหมด 5 ภาค วรรณกรรมถูกแปลเป็นไทยว่า เหยื่ออธรรม เป็นหนังสือวรรณกรรมที่ดี ผมแนะนำให้อ่านครับ
เล มิเซราบล์ หรือ เหยื่ออธรรม ถูกทำเป็นภาพยนตร์ดัดแปลงจากละครเวที อันโด่งดังที่ลอนดอน ที่ผ่านสายตาผู้ชมมากว่า 60 ล้านคนทั่วโลก
ฌอง วาลฌอง ซึ่งเป็นตัวเอกในการดำเนินเรื่อง ถูกจับเข้าคุกอยู่ยาวนานถึง 19 ปี เพราะขโมยขนมปังเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของเขาที่หิวโหย ไปให้หลานของเขา ชาแวร์ ตำรวจที่ยึดมั่นในความถูกต้อง เป็นเหมือนกับตัวแทนของธรรมบัญญัติที่ไล่ล่าชีวิตเก่าของเขา ไม่ให้ ฌอง วาลฌอง เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ ต้องการจับเขากลับเข้าคุก เพราะฌองหนีการรายงานตัว ทัณฑ์บน
หลังจากปล่อยออกมาจากคุก เขาไม่มีเงิน ไม่มีที่พัก และไม่มีใครต้องการคนที่มีประวัติเคยติดคุกอย่างเขาเข้าทำงาน เขาไม่ได้รับโอกาสจากสังคม ถูกปฎิเสธจากสังคม เพราะอดีตของเขาที่เคยติดคุก มีแต่เพียง บิชอปมีเลียเอล Myriel เพียงผู้เดียวที่ใจเมตตา ให้อาหารและที่พักกับเขาในค่ำคืนนั้น แต่ในยามดึกสงัด ฌอง วาลฌอง เลือกที่จะตอบแทนความมีน้ำใจ ของบิชอป โดยการขโมยจานเครื่องเงินของบิชอป แล้วหนีไป
ฌอง ถูกตำรวจจับได้ที่สุด และถูกนำตัวเขากลับมาที่บ้านพักของบิชอป แต่แทนที่บิชอปจะให้ตำรวจดำเนินคดีกับฌอง วาลฌอง บิชอป เลือกที่จะสำแดง พระคุณ กับเขา โดยการ มอบเชิงเทียนเงินเพิ่มให้ฌองไปด้วย แทนที่บิชอปจะเลือกใช้ธรรมบัญญัติ ตัวบทกฎหมายกับฌอง วาลฌอง บิชอปกลับเลือกที่จะสำแดงพระคุณกับเขา
ในตอนท้ายบทที่ 12 บิชอปได้กระซิบพูดกับฌอง วาลฌองว่า “อย่าลืม อย่าลืมถึงคำสัญญาที่คุณให้ไว้กับผม (ความจริงแล้วฌอง ไม่เคยสัญญาใดๆกับบิชอปเลย) ว่า คุณจะใช้เครื่องเงินนี้เป็นทุนสำหรับตั้งต้นชีวิตใหม่ คุณจะเป็นคนใหม่ที่ดำเนินชีวิตในความชอบธรรม... ฌอง วาลฌอง น้องชายของผม ต่อแต่นี้ไปเธอไม่ได้เป็นของ ความชั่วร้ายอีกแล้ว แต่ชีวิตของเธอเป็นของ ความดีงาม วันนี้ผมได้ซื้อจิตวิญญาณของคุณแล้ว ผมได้นำจิตวิญญาณของคุณออกจากความคิดที่มืดมิด ออกจากความพินาศ ผมนำจิตวิญญาณของคุณมอบไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า จิตวิญญาณของคุณเป็นของพระเจ้าแล้ว”
จากนั้นเรื่องราวที่เหลือก็ดำเนินจากเหตุการณ์ที่งดงามนี้ ฌอง วาลฌอง ได้เปลี่ยนตัวเองใหม่ เปลี่ยนตัวตน ใช้ทุนที่ได้จากเครื่องเงิน ตั้งตัวจนเป็นถึงเจ้าของโรงงาน ต่อมาก็ดำรงตำแหน่งเป็น นายกเทศมนตรี เขาได้ใช้ชีวิตใหม่ที่ได้รับจากบิชอป โดยตอบสนองต่อพระคุณของพระเจ้าที่เขาได้รับ สำแดงชีวิตแห่งการเชื่อฟังพระเจ้าและสำแดงความรักต่อคนอื่นๆ ตลอดเรื่องราวทั้งเล่ม
พี่น้องครับ เมื่อเราได้รับความรอดผ่านทางความเชื่อ ผ่านการงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูคริสต์ที่ไม้กางเขน ความจริงแล้ว ความรอด นี้มีสองมิติที่สำคัญ คือ ความรอดพ้นจากคำพากษา และ ความพินาศ อันเป็นผลเนื่องจากความบาป ถูกปลดปล่อยให้เป็นไท
แต่อีกมิติที่สำคัญ ของความรอด คือ เพื่อที่จะนำเรากลับ รื้อฟื้นเรา ให้ไปสู่พระสิริของพระเจ้า ความชอบธรรม ความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้า
พี่น้องครับ เมื่อเรารับความรอดผ่านทางความเชื่อ ชีวิตของเรา ในฐานะผู้เชื่อไม่ได้จบลงแค่ รอดจากความพินาศ คำพิพากษา แล้วเราก็ไม่ต้องทำอะไร รอคอยว่า เมื่อเราตายไปแล้ว เราก็จะไปสวรรค์ เราจะดำเนินชีวิตอย่างไรก็ได้ บนโลกนี้หลังจากรับเชื่อ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พระคัมภีร์สอน
ชีวิตของเราในสถานะใหม่ ผู้เชื่อที่เป็นลูกของพระเจ้าที่กำลังเดินทาง การเดินทางร่วมกันในชุมชนของพระเจ้า และการเดินทางส่วนตัวของเรากับพระเจ้า ความรอดที่นำมาซึ่งการ บำบัดรักษา การเยียวยา รื้อฟื้น ฟื้นฟูชีวิตของเราให้กลับไปเป็นพระฉายที่สมบูรณ์ของพระเจ้า ซึ่งปรากฏกับเราแล้วในองค์พระเยซูคริสต์ คือ
ดำเนินชีวิตที่เป็นเหมือนกับพระคริสต์มากขึ้นๆในทุกๆวัน ด้วยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่กับเรา
การดำเนินชีวิตตาม บัญญัติสิบประการจึงเป็นกระบวนการที่เรา รับรู้ถึงค่านิยมใหม่ ในฐานะที่เป็นประชากรของพระเจ้า ตอบสนองต่อพระคุณพระเจ้าที่เราได้รับ เหมือนอย่างที่ ฌอง วาลฌอง ตอบสนองต่อพระคุณที่เขาได้รับ จากบิชอปมีเรียเอล
มัทธิว 5:17
“อย่าคิดว่าเรามาล้มเลิกธรรมบัญญัติและคำของบรรดาผู้เผยพระวจนะ เราไม่ได้มาล้มเลิกแต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ”
พระเยซูทรงให้ความสำคัญกับธรรมบัญญัติ พระเยซูไม่ได้มาเพื่อที่จะยกเลิกธรรมบัญญัติ หรือ โทราห์ แต่พระองค์มาเพื่อที่จะกระทำให้สำเร็จ พระเยซูทรงเติมเต็มความชอบธรรมทั้งสิ้นตามธรรมบัญญัติ พระองค์ทรงกระทำให้สำเร็จในสิ่งที่อาดัม หรือ มนุษยชาติและ อิสราเอลล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ในพระคริสต์ เราที่เป็นคนบาป จึงเห็นว่า ความชอบธรรมที่แท้จริงตามพระทัยพระเจ้าพระบิดาคืออะไร
ในพระคริสต์เราจึงเห็นความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ ปราศจากความบาป และไม่พิกลพิการเพราะผลของความบาป เป็นอย่างไร
โรม 10:4
“เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบ (เป้าหมาย) ของธรรมบัญญัติ เพื่อให้ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม”
พี่น้องครับ “ความชอบธรรมของพระคริสต์ไม่ใช่สิ่งที่พระองค์กระทำ แต่คือ สิ่งที่พระองค์ทรงเป็น” จึงเป็นเหตุผลที่สำคัญที่ทำให้ พระองค์ทรงเติมเต็มและทำให้ธรรมบัญญัติครบสมบูรณ์ได้
พระคัมภีร์ในบ่ายวันนี้ เราเห็นภาพคู่ขนานของธรรมบัญญัติ ระหว่างธรรมบัญญัติในพันธสัญญาเดิมและ ธรรมบัญญัติใน พันธสัญญาใหม่
ออกัสตินได้กล่าวว่า
พันธสัญญาใหม่คือสิ่งที่ถูกซ่อนไว้ในพันธสัญญาเดิม และ
สิ่งที่ถูกซ่อนไว้ในพันธสัญญาเดิมก็ถูกเปิดเผยแล้วในพันธสัญญาใหม่
(“The new [testament] is in the old concealed; the old [testament] is in the new revealed.”)
อพยพ ในพันธสัญญาเดิม เราเห็นภาพพระเจ้า มอบบัญญัติสิบประการที่ภูเขาซีนายให้กับชุมชนที่ได้รับการไถ่จากการเป็นทาสในอียิปต์
มัทธิว ในพันธสัญญาใหม่ เราเห็นภาพ คำเทศนาบนภูเขา ของพระเยซูคริสต์ มอบบัญญัติใหม่ ให้กับชุมชนผู้เชื่อที่ได้รับการต้อนรับสู่แผนดินของพระเจ้า
ทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ภูเขา โดยองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อที่จะมอบ ค่านิยมใหม่ ธรรมบัญญัติให้กับประชากรของพระองค์
อาจารย์เปาโลได้บอกกับเราว่า
“ธรรมบัญญัติจึงเป็น ครูพี่เลี้ยง ซึ่งมีหน้าที่ ชี้และพาเราไปหาพระคริสต์” เพราะเราไม่สามารถทำให้ธรรมบัญญัติครบถ้วนบริบูรณ์ได้ด้วยตัวของเราเอง
ธรรมบัญญัติ จึงเป็นเพียงครูพี่เลี้ยง ที่มีหน้าที่เพียงชั่วคราว เพื่อชี้เราไปสู่พระคริสต์ ผู้เสด็จมาภายหลัง เพื่อจะนำเราไปสู่พ่อแม่ที่แท้จริง ผ่านทางพระคริสต์
ธรรมบัญญัติทำให้เราเห็นถึง ความงดงามและบริสุทธิ์ของพระเจ้า และความคาดหวังของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ซึ่งสำเร็จผ่านทางพระคริสต์เท่านั้น
ธรรมบัญญัติเปิดเผยให้เราตระหนักว่า เราไม่สามารถทำตามได้ครบบริบูรณ์ ให้เราเห็นถึงความบกพร่องฝ่ายวิญญาณของเรา เพื่อที่เราจะถ่อมใจลง และยอมพึ่งพาพระคุณพระเจ้า ที่สำเร็จแล้วผ่านทางพระเยซูคริสต์ที่ไม้กางเขน
พระเยซูทรงชี้ให้เราเห็นว่า ความชอบธรรมไม่เพียงแต่เป็นที่เปลือก รูปแบบฝ่ายนอก ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ บทบัญญัติ ความชอบธรรม ของพระเจ้า ไม่ใช่เป็นพียงแต่การกระทำตามกฎ หรือ ศีล เท่านั้น หรือ ความชอบธรรมเป็นเพียงการรักษาศีล เท่านั้น
พระเยซู ผู้ทรงเป็นพระเจ้าได้บอกกับเราทุกคนที่นี่ว่า พระเจ้าทรงทอดพระเนตร ความชอบธรรม ไม่เพียงแต่ที่เปลือกนอก พฤติกรรมที่แสดงออกเท่านั้น ปัญหาที่สำคัญสำหรับพวกเราทุกคนที่นี่คือ เรายังยึดติด กับ worldview แบบเดิม ตามธรรมบัญญัติ คือ คิดเอาเองว่า
ความสัมพันธ์กับพระเจ้า เป็นเหมือนกับ การทำสัญญาต่างตอบแทน เราต้องทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ แล้ว เราก็จะรู้สึกดีว่า เราทำดีแล้วกับพระเจ้า พระเจ้าก็จะทำดีกับเรา
เข้าใจเอาเองว่าพระเจ้าจะทรงทำบางสิ่งบางอย่างให้กับเรา เมื่อเราทำบางอย่าง
แน่นอน ถ้าเราทำจากท่าทีภายในที่ถูกต้องกับพระเจ้า แล้วออกเป็นพฤติกรรมภายนอก ก็จะเป็นสิ่งที่ประเสริฐและ พอพระทัยพระเจ้า
ความคิดเช่นนี้เป็นการจำกัดชีวิตคริสเตียนของเรา ให้อยู่เพียงแค่ ทำ หรือไม่ทำอะไร
ผมยกตัวอย่างนะครับ
เมื่อเราเป็นผู้เชื่อ เราก็ติดกับดักความคิด ว่า เรามาคริสตจักรทุกวันอาทิตย์ บางคน เข้าร่วมกลุ่มเซล บางคนเข้าร่วมกลุ่มสร้างสาวก ฟังคำเทศนาต่างๆมากมาย ใช้เวลาในการอ่านพระคัมภีร์ ขวนขวายศึกษาพระคัมภีร์ เราตีกรอบความเข้าใจพระเจ้า เราจำกัดตัวเราเองกับพระเจ้า สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดต่อพระเจ้า
ความจริง สิ่งที่พระเจ้าทอดพระเนตรคือ ท่าทีภายในจิตใจของเรา อย่าให้เราเป็นเหมือนกับฟาริสี ที่พระเยซูตำหนิว่า ภายนอกถูกฉาบไว้ด้วยปูนที่ดูเรียบร้อย ขาวสะอาด แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยขยะที่น่าขยะแขยง ความเน่าและฟอนเฟะ
ในขณะที่เราทำสิ่งดีต่างๆเพื่อพระเจ้า แต่เรายังคงทำสิ่ง เหล่านี้ที่ผมพูดถึงหรือไม่
เรายังโกรธเกลียดพี่น้องเราหรือไม่
เรายังนินทาว่าร้ายพี่น้องอยู่หรือไม่
เรายังมีใจริษยา อิจฉา พี่น้องเราอยู่หรือไม่
เรายังมีบางอย่างที่เราไม่ยอมพระเจ้าอยู่หรือไม่ ยังดื้อดึงกับพระเจ้าอยู่หรือไม่ เมื่อพระเจ้ามาเตือนเรา
เรายังยึดกับความบาปบางอย่างในชีวิตของเรา โดยที่ไม่ยอมกลับใจหรือไม่
เรายังต้องการรักษารักษาหน้าตาของเรา ภาพลักษณ์ของเรามากกว่า จิตใจเราหรือไม่
เรายังคงมีความหยิ่งทะนง และคิดเสมอว่าเราดีกว่าพี่น้องคนอื่นหรือไม่ หลงตัวเองอยู่หรือไม่
เรายังมีความไม่เชื่อฟังพระเจ้าอยู่ภายใน มีจิตใจที่ยังกบฏอยู่หรือไม่
เรามีท่าทีที่ต้องการดำเนินชีวิตให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้าหรือไม่
สิ่งต่างๆเหล่านี้ มีเพียงแต่เรากับพระเจ้าเท่านั้นที่รู้กันอยู่สองคน เพราะเป็นเรื่องภายในจิตใจ หรือเป็นสิ่งที่เรากระทำลับหลังคนอื่น ส่วนตัวของเรา
พี่น้องครับ วันนี้อย่าให้เราทำจิตใจเราให้แข็งกระด้างอยู่เลยครับ เพราะ พระเยซูตรัสอย่างชัดเจน ว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะต้องถูกพิพากษา อย่างแน่นอน
อย่าให้เรามีจิตใจที่แข็งกระด้าง เป็นใจหิน ที่ไม่ยอมพระเจ้า แต่ให้เรายอมกลับใจ ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาสำรวจ เปลี่ยนแปลงท่าทีภายในของเรา สารภาพบาป รับการให้อภัย และ ตั้งต้นเริ่มต้นใหม่โดยกำลังของพระวิญญาณที่อยู่ในเรา อาเมนมั้ยครับ
มัทธิว 5: 21-22
พระเยซูตรัสว่า “ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้กับคนในสมัยก่อนว่า ห้ามฆ่าคน ถ้าใครฆ่าคน คนนั้นจะต้องถูกพิพากษา แต่เราบอกพวกท่านว่า ใครโกรธพี่น้องของตน คนนั้นจะต้องถูกพิพากษา ถ้าใครพูดกับพี่น้องอย่างเหยียดหยาม คนนั้นจะต้องถูกนำไปยังศาลสูงให้พิพากษา และถ้าใครพูดว่า อ้ายโฉด คนนั้นจะมีโทษถึงไฟนรก”
พระเยซูได้ให้ความหมายของบัญญัติข้อที่หก “ห้ามฆ่าคน”
ความจริงแล้วถ้าจะแปลให้ชัดเจน ควรจะเป็น “ห้ามฆาตกรรมคน” เพราะมีการฆ่าคนที่ไม่อยู่ในบัญญัตินี้ เช่น การที่ตำรวจจำเป็นต้องวิสามัญคนร้าย การที่เราอาจต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องป้องกันตนเองหรือคนที่เรารัก และฆ่าคนร้าย หรือ การพิพากษาประหารชีวิตตามกฎหมาย
ในข้อที่ 21 พระองค์ได้เตือนว่า “...ถ้าใครฆ่าคน (หรือ ฆาตกรรมคน) คนนั้นจะต้องถูกพิพากษา” ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวยิวทุกคนเข้าใจ เพราะว่าเป็นหนึ่งในบัญญัติสิบประการที่พวกเขาคุ้นเคย
แต่เมื่อพระเยซูกล่าวต่อไปอีกว่า “แต่เราบอกพวกท่านว่า” พระเยซูทรงเปิดเผยความหมายที่ความหมายที่ลึกกว่าสิ่งที่เขียนไว้ในบทบัญญัติข้อนี้ ว่า ความตั้งใจที่แท้จริงของพระเจ้าไม่เพียงแต่ การฆ่าคน เท่านั้น เพราะพระเยซูบอกกับเราว่า การที่เราไม่ได้ฆ่าคนจริงๆ ก็ไม่ได้หมายความว่า เรารักษาบัญญัติข้อนี้ได้
ความจริงพระเยซูกำลังบอกกับเรา สิ่งที่เรากระทำกับพี่น้อง การลดคุณค่าความเป็นคนของเขาลง ด้วยคำพูดที่ดูถูก เหยียดหยาม เท่ากับ การฆ่าคน ซึ่งจะต้องถูกพิพากษาเช่นเดียวกัน กับบัญญัติข้อที่หกนี้ คำพิพากษานี้หมายถึงวันแห่งการพิพากษาของพระเจ้า และศาลสูงนี้หมายถึงศาลสูงในแผ่นดินสวรรค์
พระเยซูคริสต์ทรงขยายความในบัญญัติ ห้ามฆ่าคน ถึงสามครั้ง โกรธพี่น้องของตน พูดกับพี่น้องอย่างเหยียดหยาม และ พูดว่าพี่น้องว่า อ้ายโฉด หรือ แปลว่า อ้ายโง่ ไม่มีสมอง
เพราะว่าพระเยซูทรงกำลังแก้ไขความคิดบางอย่างของพวกเขา ผมว่าสำหรับเราที่นี่ด้วยเช่นกันครับ
พวกเรามักจะคิดเสมอว่า ในบรรดาบัญญัติสิบประการ ก็มี บัญญัติข้อที่หก นี้ ที่เราสามารถสอบผ่านได้อย่างสบายๆ เพราะเกิดมาเราก็ไม่เคย ฆ่าคนจริงๆ อยู่แล้ว
ในชั้นเรียนรวี คุณครูถามเด็กๆว่า บทบัญญัติข้อไหนสำหรับพ่อแม่ของเด็กๆที่บ้าน
เด็กๆทุกคนต่างตอบตรงกันว่า ก็บัญญัติข้อที่ ห้า งัย “จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า”
แล้วจู่ๆก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้นมาว่า “คุณครูคะ แล้วบัญญัติข้อไหนสำหรับพี่น้องของเราที่บ้านคะ” ทุกคนในห้องต่างเงียบกริบ คุณครูเองก็เงียบไปด้วย ต่างก็คิดไม่ออก จากนั้นก็มีเสียงตะโกนมาจากเด็กผู้ชายที่นั่งหลังห้องเสียงดังฟังชัดว่า “ห้ามฆ่าคน”
เราที่นี่ต่างเคยโกรธและโมโหทุกคน มีใครในที่นี่ชีวิตนี้ไม่เคยโกรธ โมโหใครเลยมั้ยครับ ยกมือให้ผมดูหน่อย (ยิ้ม) บางคนเวลาโกรธหรือโมโห แค้นใครมากๆ ก็เคยคิดว่าอยากจะเข้าไปทำร้ายร่างกาย เลยใช่มั้ยครับ แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่แค่ในความคิด ไม่อย่างนั้นพี่น้องคงไม่ได้มานั่งอยู่ที่นี่ในบ่ายวันนี้
พระเยซูทรงเปิดเผยถึงความจริงว่า แท้จริงแล้ว ต้นตอ หรือ ต้นเหตุของการฆ่าคน
ความจริงแล้วสาเหตุสำคัญของการฆ่า ก็ล้วนเกิดมาจากความโกรธ การบันดาลโทสะ หรือความเจ็บแค้นใจที่เกิดจากคำพูดดูถูก เหยียดหยาม คำพูดที่พูดไปโดยไม่คิด หรือความริษยา
คำพูดหยาบคาย ดูถูก เหยียดหยามเป็นผลมาจากความโกรธที่อยู่ภายในจิตใจของเรา
คำพูดต่างๆเหล่านี้ได้ทำให้เกิด ความบาดเจ็บและ ทำลายความสัมพันธ์ลงอย่างที่ยากจะแก้ไขได้
พี่น้องครับ ความจริงแล้ว
สิ่งที่เราปฎิบัติต่อพี่น้อง ก็สะท้อนถึงสิ่งที่เราปฎิบัติต่อพระเจ้า
ทัศนคติของเราที่มีต่อพี่น้อง ก็สะท้อนถึงทัศนคติของเราต่อพระเจ้า
เมื่อเราฆ่าคน เรากำลังล่วงละเมิดพระเจ้า มีเพียงพระเจ้าผู้ทรงเป็นแหล่งแห่งชีวิต ผู้ทรงเป็นเจ้าของชีวิตเท่านั้นที่มีสิทธิ์ในชีวิตของมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่เราที่เป็นฆาตกร เราจึงไม่มีสิทธิ์ในการทำลายชีวิตที่เป็นของพระเจ้า ดังนั้นการฆาตกรรมคน จึงเป็นการล่วงละเมิดพระเจ้า
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับพระเจ้าแล้ว ชีวิตมนุษย์มีค่า มีค่ามาก เพราะว่ามนุษย์แตกต่างจากบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลาย พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายของพระองค์ เราต่างมีพระฉายของพระเจ้าในตัวของเรา
ดังนั้น การฆ่าคน คือการทำลายพระฉายของพระเจ้า
ความโกรธที่นำมาซึ่งคำพูดหยาบคาย เหยียดหยาม ดูถูก ก็เช่นกัน มีค่าเท่ากับ การทำลายพระฉายของพระเจ้าในชีวิตของคนๆนั้น ด้วยการลดคุณค่าความเป็นคนของพี่น้องคนนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น
พี่น้องครับ สิ่งสำคัญในบัญญัติข้อนี้ คือ เราต้องเห็น คนให้เป็นคน พี่น้องครับ เราต้องมองคนให้เป็นคน ชีวิตคนมีคุณค่า เพราะเป็นพระฉายของพระเจ้า เมื่อไรก็ตามที่เรามองเห็นคนไม่เป็นคน เรากำลังละเมิดบัญญัติข้อนี้
ผมกำลังหมายถึงอะไร เมื่อเรามองเห็นคนไม่เป็นคน โดยการลดทอนคุณค่าของคนให้เป็นเพียงวัตถุ หรือ วาทกรรมบางคำจาก Hate speech
เมื่อผู้ชายที่ ลดทอนคุณค่าของผู้หญิง ให้เป็นเพียงวัตถุที่ตอบสนองความต้องการทางเพศ
เมื่อเราเห็น ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้า เป็นเพียงพาหนะ เป็นอุปกรณ์ เครื่องมือ ที่นำไปสู่ความสำเร็จ
เมื่อเราเห็น บางคน เป็นอุปสรรค ที่ทำให้เราไม่สามารถบรรลุ เป้าหมายบางอย่างได้
เมื่อเรามองคนบางคนให้ เป็นอากาศธาตุ เพราะว่าเราไม่ชอบเขา เราจึงเลือกที่จะละเลย ไม่แยแส คุยพอเป็นพิธี ดูแคลนเขา
เมื่อเราเห็นคนบางคน อย่างมีอคติ เพียงเพราะว่า เขามีบางอย่างไม่เหมือนกับเรา ไม่ว่าจะเป็นสีผิว เชื้อชาติ ชาติกำเนิด ฐานะ พื้นฐานการศึกษา ศาสนา
เมื่อเรามอง คนที่มีความเห็นต่างทางการเมืองกับเรา ประดิษฐ์วาทกรรม บางคำ เพื่อลดทอนคุณค่าความเป็นคน ของผู้ที่คิดต่าง จนในที่สุดสามารถนำไปสู่ ความชอบธรรมในการฆ่าล้าง ทำลายกัน ในที่สุด เพราะมองอีกฝ่ายไม่ใช่คนแล้ว
สิ่งเหล่านี้ ล้วนไม่ได้มาจากพระเจ้า
แต่มาจากมาร ระบบ ค่านิยมของโลก และความบาปตัณหาชั่วในชีวิตของเรา
เมื่อเราฆ่าคน เรากำลังทำอย่างมาร
พระเยซูบอกว่า มารเป็นฆาตกรตั้งแต่ในปฐมกาล มันมาเพื่อที่จะ ลัก ฆ่า และทำลายเสีย
เราเห็นคนเป็นคนหรือไม่ ?
เช้าวันนี้ ตอนเราขับรถไปเติมน้ำมัน เราได้มองหน้าน้องๆพนักงานเด็กปั๊มที่กำลังให้บริการเราอยู่หรือไม่
ตอนกลางวันที่เรากินข้าวที่ร้านอาหาร เราได้มองเห็นหน้า พนักงานเสริฟ หรือไม่
เวลาเราไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ เรามองเห็นพนักงานแคชเชียร์ เราเห็นหน้าเค้าหรือไม่ เรารู้หรือไม่ว่า แต่ละคน หน้าตาเค้าเป็นอย่างไร กำลังมีความสุข หรือความทุกข์ หรือเศร้าอยู่
ครั้งนึง ผมเคยเห็นพนักงานแคชเชียร์คนหนึ่งขณะที่กำลังทำหน้าที่ที่เคาเตอร์ น้ำตาก็ไหลไปด้วย แม้เราไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ แต่เราสามารถอธิษฐานเผื่อเขาได้ครับ พี่น้อง
ใกล้ตัวเรามากขึ้น เราจำพี่ๆ รปภ ที่คริสตจักร ตอนที่เรากำลังเดินเข้ามานมัสการพระเจ้าที่โบส์ถหรือไม่
หรือแม้กระทั่งหลังจากนี้ เวลาที่เราไปสามัคคีธรรมในลีฮอล์ เรารู้จัก หรือทักทาย คนที่มาช่วยทำความสะอาด หรือ ล้างถ้วยชามในห้องครัวหรือไม่
พี่น้อง เราเห็นคุณค่าของคน ตามอย่างที่พระเจ้าทรงเห็นอยู่หรือไม่
แท้จริงแล้ว สิ่งที่อยู่ลึกกว่าของ บัญญัติข้อนี้ คือ การเห็นคุณค่าของมนุษย์ ผู้ซึ่งเป็นพระฉายของพระเจ้า
บิชอปมีเรียเอล ไม่ได้ลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของ ฌอง วาลฌอง แบบที่คนอื่นๆในสังคมเห็นและทำ แม้เมื่อฌองขโมยเครื่องเงิน บิชอปก็เลือกที่จะให้อภัย สำแดงพระคุณ และ พร้อมที่จะให้โอกาสเริ่มต้นใหม่ แม้ว่าฌองไม่คู่ควรที่จะได้รับ การให้อภัยและ โอกาสใหม่ นี่คือ พระกิตติคุณ เป็นข่าวประเสริฐ เป็นข่าวดี เราต่างต้องการรับการให้อภัย รับโอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ แม้ว่าเราจะไม่คู่ควรที่จะได้รับ ฌอง สามารถกลับมาตั้งต้นชีวิตใหม่ ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อในพระเจ้า สำแดงความรักต่อผู้อื่น หรือคนที่ต่ำต้อย แม้แต่หญิงโสเภณีในเวลาต่อมา พี่น้องครับ ในสังคมที่เต็มไปด้วยการกดขี่ ความอยุติธรรม สิ่งที่สังคมนั้นต้องการมากที่สุด คือ พระกิตติคุณ ข่าวประเสริฐ และข่าวดี เพราะพระกิตติคุณ มีฤทธิ์อำนาจในการปลดปล่อยคนให้เป็นไท การกลับใจจากบาป การยกโทษ คืนดี การเริ่มต้นใหม่ การให้โอกาส มองคนให้เป็นคน การเห็นคุณค่าของมนุษย์ ผู้ซึ่งเป็นพระฉายของพระเจ้า
บิชอปมีเรียเอล เห็นคุณค่าของ ฌอง วาลฌอง เหมือนอย่างที่พระเจ้าเห็นคุณค่าชีวิตของเขา
พี่น้องวันนี้ มีสิ่งใดหรือไม่ที่เราต้องกลับใจ ขออย่าให้เรามีใจแข็งกระด้างต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่นำเราสู่การกลับใจ ตอบสนองต่อพระคำของพระเจ้าที่ตรัสผ่านพี่น้องในบ่ายวันนี้
สำหรับพี่น้องบางคนที่นี่ วันนี้ไม่ว่า สังคม คนรอบข้างจะตีตราพี่น้องว่าอย่างไร จะลดทอนคุณค่าพี่น้องอย่างไร วันนี้พระเจ้ากำลังบอกกับพี่น้องคนนั้นที่นั่งอยู่ที่นี่ว่า เรามีคุณค่าในสายพระเนตรของพระเจ้าเสมอ พระเจ้าไม่เคยลดทอนคุณค่าในตัวเรา เราสามารถกลับใจใหม่ รับพระคุณพระเจ้า ขอกำลัง และ สติปัญญาจากพระเจ้าในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ได้ เราสามารถตั้งต้นชีวิตใหม่ได้ เหมือนกับ ฌอง วาลฌอง ถ้าท่านเป็นพี่น้องคนนั้น พูดอาเมนในใจครับ
ถ้าเราเป็นคนๆนั้นที่ เห็นคนเป็นเพียง อุปกรณ์ พาหนะ เครื่องมือ เป็นวัตถุ หรือ อากาศธาตุ
ถ้าเราเป็นเพียงหัวหน้างานที่ ใช้งานทีมงานของเรา และเห็นเขาเป็นเพียงอุปกรณ์ พาหนะ เพียงเพื่อให้งานของเราสำเร็จ โดยไม่สนใจในความเป็นคน เมื่อเขาไม่มีประโยชน์ หรืออาจจะเป็นอุปสรรคต่องานของเรา เราก็พร้อมที่จะถอดเขาทิ้งทันที ขอให้ เรากลับใจครับพี่น้อง มองคนให้เป็นคน คุณค่าที่เขามี เพราะเขาเหล่านั้นล้วนมี พระฉายของพระเจ้าที่อยู่ในตัวทุกคน
พี่น้องครับ
สิ่งที่เราปฎิบัติต่อเขา ก็สะท้อนถึงสิ่งที่เราปฎิบัติต่อพระเจ้า
ทัศนคติของเราที่มีต่อเขา ก็สะท้อนถึงทัศนคติของเราต่อพระเจ้า
ขอให้เราสามารถดำเนินชีวิตใหม่ที่เชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า
รักพระเจ้าสุดๆ และรักเพื่อนบ้านจริงๆได้ อาเมนนะครับ
พี่น้องครับ สำหรับพระเยซูแล้ว ความชอบธรรมที่แท้จริง เป็นมากกว่าการทำตามบทบัญญัติหรือ ความเชื่อฟังแต่ภายนอก
ความชอบธรรม คือ ความสัมพันธ์ที่ถูกต้อง ท่าทีที่ถูกต้องจากภายในจิตใจ
ความชอบธรรมของพระเจ้ามีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับ สันติสุข สันติภาพ หรือชาโลม หมายถึงความเป็นอยู่ที่ดี การมีสุขภาวะที่ดีทั้งด้านร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณ การอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุข
ความชอบธรรม หรือ โทราห์ของพระเจ้า ที่พระเยซูคริสต์ทรงเสด็จมาเพื่อเติมเต็มและทำให้สำเร็จ
พระเยซูผู้เดียวที่เติมเต็มโทราห์ และทำให้สำเร็จ
กลับมาที่พระคำครับ หลังจากที่พระเยซูคริสต์ทรงขยายความในบัญญัติ ห้ามฆ่าคน ถึงสามครั้งในข้อที่ 22 โกรธพี่น้องของตน พูดกับพี่น้องอย่างเหยียดหยาม และ พูดด่าว่าพี่น้องว่า อ้ายโฉด หรือ อ้ายโง่ไม่มีสมอง
ในข้อที่ 23-26 พระเยซูทรงตรัสต่อไปว่า
“เพราะฉะนั้น ถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชาและกลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน จงปรองดองกับคู่ความโดยเร็วในขณะที่พากันไปศาล มิฉะนั้นคู่ความนั้นจะมอบตัวท่านไว้กับผู้พิพากษา แล้วผู้พิพากษาจะมอบตัวท่านไว้กับผู้คุม และท่านจะต้องถูกขังไว้ในคุก เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากที่นั่นไม่ได้จนกว่าจะใช้หนี้หมด”
พระองค์ทรงประทาน ภาพสองภาพ สองบริบทให้เราเห็น ทรงหนุนใจเราให้พยายามที่จะกลับมาคืนดี นำการเยียวยารักษาความสัมพันธ์ ด้วย ภาพสองภาพนี้ครับ
ภาพที่หนึ่ง คือ ในบริบทของการนมัสการพระเจ้า คือที่แท่นบูชาในพระวิหาร(ข้อ 23-24) คือ ถ้าเรากำลังจะไปนมัสการพระเจ้า แล้วเราระลึกได้ว่ามีเหตุขัดเคืองใจกับพี่น้อง คือเรารู้ตัวว่า เรากำลังโกรธหรือโมโห พี่น้องคนนั้นอยู่ ก่อนที่จะถวายเครื่องบูชาในพระวิหาร หรือก่อนที่จะนมัสการพระเจ้าก็ให้รีบเข้าไปคืนดีกับเขา
พระเยซูตรัสว่า อย่าพึ่งนมัสการพระเจ้าจนกว่าเราจะคืนดีกับพี่น้อง
มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง กับการนมัสการพระเจ้าพระบิดา
น้ำพระทัยพระเจ้าสำหรับเราคือ การคืนดี ดังนั้น
เพื่อถวายเกียรติ พระสิริแด่พระเจ้า เราจำเป็นต้องกลับมาคืนดีกับพี่น้อง เพราะ
การคืนดีกับพี่น้อง ก็สำคัญเท่ากันกับ การนมัสการพระเจ้า
ภาพที่สอง ที่ พระเยซูหนุนใจให้คืนดี คือ ในบริบทด้านกฎหมาย คือที่ศาล (ในข้อ 25-26)
พระเยซูเปรียบเทียบว่า เมื่อเราโกรธพี่น้องของเรา เหมือนกับ เรากำลังถูกคู่ความนำตัวเราไปขึ้นศาล พระเยซูหนุนใจเราให้ รีบปรองดอง หรือ ประนีประนอม กับคู่ความโดยเร็ว ก่อนที่ไปถึงศาล
ถ้าเป็นไปได้ จะเป็นการดีกว่า ที่เราตกลง ประนีประนอมกับคู่ความเรา เป็นส่วนตัว ดีกว่าต้องไปตกลงตัดสินเรื่องราว แพ้ชนะ กันที่ศาล เพราะสำหรับพระเยซูคริสตค์แล้ว
การกลับมามีความสัมพันธ์ที่ถูกต้อง คืนดีกัน ย่อม ดีกว่าการไปแตกหัก แพ้ ชนะ กันที่ศาล
พี่น้องครับ คำตัดสินใดๆในศาล ไม่สามารถ นำความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกลับคืนมาได้ มีแต่ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง และไม่สามารถนำมาสู่การคืนดีได้
ส่วนใหญ่แล้ว ความหยิ่ง ความดื้อรั้นของเราจะเป็นอุปสรรค ในการตกลง ประนีประนอมกับคู่ความของเรา
พระเยซูให้ภาพของ การที่เราต้องจ่ายราคาที่แพงมาก
ถ้าเราเลือกที่จะตกลงตามแนวทางของธรรมบัญญัติ แพ้ ชนะกันที่ศาล แทนที่จะเลือกการเยียวยารักษาในความสัมพันธ์
พระเยซูตรัสในข้อที่ 26 ว่า
“เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากที่นั่นไม่ได้จนกว่าจะใช้หนี้หมด”
เหมือนพระเยซูกำลังพูดประชดประชันว่า ถ้าเราต้องการตกลงเรื่องราวกันโดยใช้ธรรมบัญญัติ เอาให้รู้แพ้ รู้ชนะกันไปเลย ก็ไปเลยนะ แต่ ระวัง คำเตือนของพระองค์คือ เราต้องจ่ายราคา จากการตัดสินของธรรมบัญญัติ แล้วความสัมพันธ์ล่ะ เราจะไม่สามารถรักษา เยียวยา ความสัมพันธ์ที่แตกสลายลงไปได้ คงมีแต่ความเจ็บปวด บาดแผล
พระเยซูทรงหนุนใจเรา ให้รีบคืนดีกับคู่ความของเรา ด้วยความชอบธรรมของพระคริสต์ เพราะจะแย่ที่สุด ถ้าเราเลือกตกลงเรื่องราวกับคู่ความของเรา ด้วยอาศัย ความชอบธรรมของธรรมบัญญัติ
พระประสงค์ของพระเจ้าคือ ให้ทุกความสัมพันธ์ได้มีโอกาสคืนดี และรับการเยียวยารักษา
เมื่อเราถ่อมใจลง ตัดสินใจที่จะเลือก การคืนดีกับพี่น้องของเรา ผ่านทางความชอบธรรมของพระคริสต์ พระองค์จะเปลี่ยนแปลงจิตใจภายในของเรา นำมาซึ่งการเยียวยารักษความสัมพันธ์ เพื่อที่เราจะเป็นคนที่ดีขึ้น มีความสุข ความชื่นชมยินดีมากขึ้น
พี่น้องครับ พระเยซูทรงตรัสถูกต้องแล้วครับ ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะภูมิใจว่า เราไม่เคยละเมิด บัญญัติที่หก คือ ห้ามฆ่าคน เราไม่เคยฆาตกรรมใครจริงๆซักคนเลย
ความโกรธของเรา คำพูดที่พูดโดยไม่ได้คิดของเรา คำด่าดูถูกเหยียดหยามพี่น้องที่ออกจากปากของเรา ความจริงนำมาแล้ว ซึ่งความตาย เรากำลังฆาตกรรมพี่น้องของเราแล้วในความสัมพันธ์ เรากำลังลดทอนคุณค่าความเป็นคนของเขา ผู้ซึ่งเป็นพระฉายของพระเจ้า
ความชอบธรรม ต้องเกิดขึ้นจากภายในจิตใจ สู่ภายนอกที่เป็นพฤติกรรม
ความชอบธรรมไม่ใช่เพียงพฤติกรรมภายนอกเท่านั้น
เพราะพระเจ้าทรงทอดพระเนตรที่ท่าที จิตใจภายในของเรา
ข่าวดีคือ พระเจ้ากำลังทำงานในจิตใจของพี่น้องครับ ให้เราตอบสนองพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงประทับอยู่ในชีวิตของเรา หากบ่ายวันนี้เราต้องการเริ่มต้นใหม่ ต้องการชีวิตใหม่ ต้องการทำบางอย่างในความสัมพันธ์ให้ถูกต้อง เพียงแต่เราถ่อมใจลง รับโอกาสใหม่ ที่พระเยซูทรงประทานให้ผ่านทางไม้กางเขน เป็นของขวัญที่พระเยซูทรงประทานให้คือ รับการให้อภัย รับชีวิตใหม่ รับความชอบธรรมในพระคริสต์ ถ่อมใจ ยอมกับพระเจ้า กลับไปคืนดี กับพี่น้องครับ ขอพระเจ้าเมตตาเรา ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
“พระบิดา ขอทรงโปรดช่วยเหลือลูกของพระองค์ที่นี่ ลูกรู้ว่าการเก็บความโกรธเคืองใดๆกับพี่น้องเป็นสิ่งที่ไม่ประโยชน์ใดๆในชีวิตของลูกเลย แม้ว่าลูกเป็นฝ่ายถูกกระทำ ความบาดเจ็บที่ได้รับจากคำพูด
ข้าแต่พระเจ้า เมื่อลูกถูกโจมตีด้วยคำวิจารณ์หรือเกิดการถกเถียง
ขอทรงควบคุมคำพูดของข้าพระองค์ที่จะมีความถ่อมใจและให้เกียรติพระองค์
พระบิดาเจ้าลูกขอเลือกทางของพระองค์ ขอพระองค์ประทานสายตาใหม่ มองเห็นคุณค่าความเป็นคนของผู้อื่น ผู้ทรงเป็นพระฉายของพระองค์ เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงเห็นคุณค่าของเจา
ขอทรงประทานพระคุณและกำลังให้ลูกมีเพียงพอที่ ลูกจะสามารถควบคุมตนเองได้ ลูกขอไว้วางใจในพระองค์ และฝากทุกเรื่องราวไว้กับพระองค์ ขอทรงประทานสันติสุข ความถ่อมใจ และกำลังด้วยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้กับลูกที่จะกลับไปคืนดีในความสัมพันธ์ ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน ”
ในเวลานี้ผมอยากจะหนุนใจพี่น้องให้ เราให้อภัยพี่น้องคนนั้นที่ทำให้เราบาดเจ็บ ให้เราปลดปล่อยความรู้สึกโกรธเคือง ความไม่พอใจ ความคับข้องใจที่อยู่ภายในจิตใจของเราไว้ที่พระหัตถ์ของพระเจ้า ขอพระเจ้าทรงรับไปทั้งหมดจากเรา
ให้เราวางใจพระองค์ว่าพระองค์จะเป็นผู้ที่แก้ต่างแทนเรา พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าความรู้สึกของเรา ขอพระองค์ประทานการควบคุมตนเอง เพื่อที่เราจะเดินในทางแห่งสันติสุข และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในความรักของพระเจ้าในยามที่เราต้องการ
ขอพระเจ้าทรงเมตตาครับ อาเมน