พระคริสต์เสด็จมา...บังเกิดสันติสุข
Notes
Transcript
พระเจ้าสถิตกับท่าน (และสถิตกับท่านด้วย)
บทนำ
เรากำลังอยู่ในช่วงเตรียมจิตใจเราเพื่อเข้าสู่เทศกาลคริสตมาส ช่วงเวลาแห่งความหวัง ความเชื่อ และ ความชื่นชมยินดี วันอาทิตย์นี้ตามปฎิทินคริสเตียน นับเป็นสัปดาห์ที่สามของเทศการเตรียมรับเสด็จ โดยปกติที่คริสตจักรก็จะมีการจุดเทียนเล่มที่สาม ที่เป็นสีชมพู เทียนแห่ง ความชื่นชมยินดี
เทศกาลคริสตมาส เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองการบังเกิดใหม่ วันนี้ก็เป็นวันพิเศษ สำหรับน้องซิน น้องมิ้นต์ ครอบครัวของเจฟฟรี่ ยุ้ย น้องมารีน ครอบครัวโก้ นุ๊ก น้องคริส และ ครอบครัวมิเคล นก น้องเมเดล พี่น้อง และลูกๆของเราที่นี่ ได้เข้ามารับพิธีบัพติสมา รับการบังเกิดใหม่ บัพติสมาเป็นพิธีครั้งเดียวในชีวิตของผู้เชื่อ ชีวิตเก่าได้รับการชำระแล้วด้วยน้ำ ชีวิตเก่าที่ได้ฝังไว้แล้วกับพระคริสต์ และ บังเกิดชีวิตใหม่ ร่วมกับการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ ชีวิตใหม่ที่มีชัยชนะเหนือความบาปและความตาย
คำปฎิญาณที่เรากำลังจะได้กล่าวร่วมกันในพิธีบัพติสมา ทั้งพี่น้องที่กำลังเข้าสู่การรับบัพติสมา และ พี่น้องในคริสตจักร เป็นคำปฎิญาณที่เราได้กล่าวต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสถิตกับเราที่นี่ และ ต่อคริสตจักร ชุมชนของผู้เชื่อ ในพิธีบัพติสมา เราได้ตัดสินใจที่จะหันมาหาพระคริสต์ ติดตามพระเยซูและ ปฎิเสธ สามสิ่ง คือ ผีมารซาตานและการงานของมัน ค่านิยมของโลก ค่านิยมที่ว่างเปล่า และ ความปรารถนาของเนื้อหนังในตัวเรา พี่น้องครับ พี่น้องทุกคนที่นี่จะมีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน ช่วยกันประคับประคองซึ่งกันและกัน มีส่วนหนุนใจกันและกัน เตือนสติ รักและให้อภัยกันและกัน เพื่อที่เราทุกคนจะรักษาคำปฎิญาณที่เราต่างให้ไว้ซึ่งกันและกันในวันนี้
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ครับ ไม่มีมรดกใดที่ดีไปกว่า การได้หยิบยื่นพระเยซู มรดกแห่งความเชื่อให้กับลูกๆของเรา เราไม่สามารถอยู่กับลูกๆของเราตลอดไป แต่พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์จะอยู่กับเขาตลอดไป พ่อแม่ครับ พาเค้ามาเข้าร่วมชั้นเรียนรวี ในวันอาทิตย์ ให้เด็กๆได้เรียนรู้ค่านิยมตามพระคัมภีร์ มีเพื่อนในคริสตจักร ที่เติบโตไปด้วยกัน ให้เขามีสังคมที่คริสตจักร ชุมชนผู้เชื่อ พระคัมภีร์ในสุภาษิต 22 “จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเติบใหญ่ เขาจะไม่พรากจากทางนั้น” ในปีหน้า ถ้าพระเจ้าเมตตา อนุญาต คริสตจักรก็จะจัดชั้นเรียน Parenting การเลี้ยงดูลูก อีกครั้ง ให้พ่อแม่เข้ามาเรียนด้วยกันนะครับ เพื่อที่เราจะเลี้ยงดูลูกๆของเราในคริสตจักรอย่างถูกต้องตามหลักการพระคัมภีร์ คุณพ่อคุณแม่ อาเมนมั้ยครับ
นอกจากคริสตมาสเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองการบังเกิดใหม่แล้ว คริสตมาสยังเป็นช่วงเวลาของครอบครัว เฉลิมฉลองที่บ้านของเรา ต้นคริสตมาสที่ประดับด้วยไฟอย่างสวยงามที่บ้าน ความสุขร่วมกันในครอบครัว
บัพติสมา ก็เป็นโอกาสที่เราต้อนรับ พี่น้องที่รับบัพติสมาเข้าสู่ครอบครัวไคร้สตเชิช กรุงเทพฯ เป็นส่วนหนึ่งในพระกายของพระคริสต์ สมาชิกในชุมชนแห่งความเชื่อ
บางครอบครัว คริสตมาสปีนี้ อาจจะเป็นคริสตมาสแรกไม่มีคนที่เรารักอยู่ด้วย หรือ อาจเป็นช่วงเวลาที่เราจะระลึกถึงคนที่เรารักในทุกๆปี ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ของเรา สามี หรือภรรยาของเรา เพื่อนที่เรารัก เราระลึกถึงเรื่องราวของพวกเขาที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของเรา
บ่ายวันนี้ผมมีเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งในช่วงก่อนเทศกาลคริสตมาส เป็นเรื่องราวของครอบครัวที่ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด ในช่วงเวลานั้น เขาได้พบกับ ความหวัง สันติสุข จิตวิญญาณที่แท้จริงของคริสตมาส และด้วยความหวัง และสันติสุขของคริสตมาส ทำให้ครอบครัวเขาเป็นพรให้กับทุกคน
กลางเดือน พฤศจิกายน ปี 1873 เรือเดินสมุทร วิล เดอ ฮาว ต้นทางจาก นิวยอร์ค อเมริกา ปลายทางที่ยุโรป ฝรั่งเศส มีผู้โดยสารทั้งหมด 313 คน เรือเดินสมุทร ถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยบรรยากาศคริสตมาส ผ้าริบบิ้นสีเขียว สีแดง การร้องเพลงคริสตมาสในห้องอาหาร ที่ระยิบระยับไปด้วยแสงไฟ และเสียงเทียน อีกไม่กี่วัน เรือก็จะเข้าเทียบท่าที่ยุโรป ในช่วงเวลาคริสตมาสพอดีที่กรุงปารีส
บนเรือเดินสารลำนั้น มีอยู่ครอบครัวหนึ่งซึ่งเดินทางมาจากเมืองชิคาโก้ แอนนา สแป๊ดฟอร์ด พร้อมกับลูกๆของเธออีก สี่คน ซึ่งประกอบไปด้วย แอนนี่ อายุ 11 ปี มากาเรต 9 ขวบ เบสซี่ 5 ขวบ และ น้องเล็ก เทนเน็ตตา 2 ขวบ พ่อของเด็กๆ โฮราชิโอ้ ไม่สามารถเดินทางมาด้วย เพราะว่าติดงานที่ชิคาโก้ ธุรกิจของเขากำลังมีปัญหาอย่างหนัก ผู้คนเข้ามาเพื่อทวงหนี้สินจากเขา โฮราชิโอ้บอกกับลูกๆและภรรยาของเค้าว่า ไม่ต้องวิตกใดๆ ให้เดินทางล่วงหน้าไปก่อน จะรีบเดินทางตามไปในอีกสองสามวัน นัดหมายที่จะพบกันที่ปารีส เพื่อที่ครอบครัวจะได้เที่ยวเทศกาลคริสตมาสร่วมกัน เป็นของขวัญให้กับครอบครัวหลังจากต้องประสบปัญหาความตึงเครียดเรื่องการเงิน และธุรกิจที่ล้มเหลวของเขา
โฮราชิโอ้ ซึ่งเป็นนักกฎหมายที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เขาเป็นผู้ปกครองที่คริสตจักรเพรสไบทีเรียนแห่งหนึ่งในชิคาโก้ด้วย เขานำเงินที่ได้เกือบทั้งหมดลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เมืองชิคาโก้ ดูเหมือนว่าธุรกิจกำลังไปได้ด้วยดี แต่สองปีที่แล้ว เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในชิคาโก้ เปลงเพลิงเผาไหม้นครชิคาโก้ อยู่หลายวัน ทั้งวันทั้งคืน เพราะลมแรงที่พัดมาอย่างต่อเนื่องจากทะเลสาปชิคาโก้ช่วยโหมกระพือไฟที่ไหม้ กว่าจะดับไฟลงได้ ทุกสิ่งที่เขามีต้องสูญสิ้น หายวับไปชั่วข้ามคืน จากนักกฎหมาย นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จ บัดนี้เต็มไปด้วยหนี้สิน ดังนั้นการเดินทางของครอบครัวครั้งนี้ไปฉลองคริสตมาสในยุโรป จึงเป็นของขวัญให้กับตัวเขาเองและครอบครัว เพื่อที่จะให้ครอบครัวคลายความเครียด ช่วยรักษาเยียวยาบาดแผล เติมพลังให้กลับมาด้วยความหวังอีกครั้งหนึ่ง
ทันทีที่เรือออกจากท่า ในเวลาเย็นวันที่ 22 พฤศจิกายน 1873 แอนนาและลูกๆ คุกเข่าลงอธิษฐานและเข้านอน คาดหวังถึงเทศกาลคริสตมาสที่น่าตื่นตาตื่นใจที่ปารีส ค่ำคืนนั้น เวลาตีสอง เรือ วิล เดอ ฮาว ชนเข้าอย่างจังกับเรืออีกลำที่มาจากสก็อตแลนด์ พวกเขาถูกปลุกให้ตื่นอย่างฉุกเฉิน เรือชูชีพที่อยู่บนเรือ ต่างเต็มไปด้วยผู้โดยสาร ผู้โดยสารหลายคนต้องจมอยู่ในน้ำทะเลในค่ำคืนที่หนาวเหน็บ แอนนาพยายามที่จะอยู่ดูแลลูกๆของเธอทั้งสี่คน ลูกสาวคนโตทั้งสองคน พลัดหลงจากเธอในช่วงที่ชุลมุน สิ่งที่เธอทำได้คือ อุ้มลูกคนเล็ก สองขวบ และ จับลูกสาว 5 ขวบอีกคนของเธอไว้แน่น หลังจากการชน 12 นาที น้ำทะเลก็ท่วมถึงเรือชั้นดาดฟ้า แอนนาจมลงสู่ทะเลพร้อมกับลูกสาวทั้งสองของเธอ เธอจับลูกสาวห้าขวบของเธอ เบสซี่จนกระทั่งหมดแรงต้องปล่อยลูกสาวห้าขวบไป ความทรงจำสุดท้ายของเธอก่อนที่จะหมดสติคือ ลูกสาวคนเล็ก 2 ขวบค่อยๆ หลุดออกจากอ้อมกอดของเธอจนจมหายไปในทะเล ลูกเรือกู้ชีพมาพบเธอ ลอยตัวเกาะแผ่นไม้ในสภาพที่หมดสติ เมื่อเธอขึ้นฝั่งได้ สิ่งแรกที่เธอทำคือส่งโทรเลขถึงสามี โฮราชิโอ้ ข้อความสั้นๆ คือ รอดอยู่คนเดียว ทำอะไรไม่ถูกแล้ว
โฮราชิโอ้ทันทีเมื่อทราบข่าว ก็ขึ้นเรืออีกลำออกจากนิวยอร์ค เขาเขียนจดหมายถึงเพื่อนของเขาว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ มีเพียงสิ่งเดียวที่เค้าต้องรักษาไว้ให้ได้ คือ รักษาความเชื่อ สี่วันหลังออกจากฝั่ง เย็นวันพฤหัส กัปตันเรือได้แจ้งกับโฮราชิโอ้ว่า จากคำนวณของลูกเรือ ตอนนี้เรือกำลังอยู่ในบริเวณเดียวกันกับที่ๆ เรือของแอนนาจมลง และลูกสาวของเขาทั้งสี่คน จมน้ำเสียชีวิตที่นี่ น่าจะจมอยู่ใต้ท้องทะเลแห่งนี้ที่ใดที่หนึ่งในความลึกระดับ 5 กิโลเมตร โฮราชิโอ้ ปฎิเสธที่จะมองลงไปที่ทะเลแห่งนั้น เขาตอบกับกัปตันว่า ผมไม่คิดว่าลูกสาวทั้งสี่คนอยู่ใต้ทะเลที่นี่ เขาเงยหน้าดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ด้วยความเชื่อ และที่นั้น เขาแต่งบทเพลงที่มีข้อความสั้นๆ ง่ายๆ ที่ในเวลาต่อมากลายเป็นบทเพลงฮีม คริสเตียนที่มีชื่อเสียง
“เมื่อความ สุขสำราญ ผ่านมาทาง ใจของข้า
เมื่อทุกข์ ทรมาน พัดผ่านมา
ไม่ว่า เกิดเหตุใด พระองค์สอนนน ให้พูดว่า
วิญญาณข้า สุขสบาย สุขหรรษา”
ความจริงภาษาไทย ที่แปลว่า เมื่อทุกข์ ทรมาน พัดผ่านมา ต้นฉบับภาษาอังกฤษที่เขาแต่งคือ ความทุกข์ ทรมาน เหมือนอย่างคลื่นทะเลที่พัดถาโถมเข้ามา
พระคัมภีร์ในบ่ายวันนี้ ทั้งในพันธสัญญาเดิม อิสยาห์ บทที่ 11 และ ในพันธสัญญาใหม่ ลูกา บทที่ 2 ก็กล่าวถึง ความหวัง สันติสุข ที่ไม่ขึ้นอยู่กับกับสถานการณ์ภายนอกที่เราเผชิญ แต่เราพบ ความหวังและสันติสุขแท้ได้ ในองค์พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นกษัตริย์พระเมสสิยาห์ เสด็จรับสภาพรับสภาพมนุษย์ในคริสตมาสนี้ เพื่อสถาปนาอาณาจักรแห่งสันติสุขของพระองค์
ในอิสยาห์บทที่ 11 อาณาจักรยูดาห์ในเวลานั้นอยู่ในสภาวะสิ้นหวัง และขาดสันติภาพ อาณาจักรอิสราเอลหลังจากโซโลมอนก็แตกออกเป็นอาณาจักรเหนือ คือ อิสราเอล และ ยูดาห์ทางใต้ อาณาจักรยูดาห์อยู่ท่ามกลางระหว่างมหาอำนาจต่างๆ ทางเหนือคือ ซีเรีย ทางใต้ อัสซีเรีย ถัดไปทางตะวันตกก็เป็นอียิปต์ ยูดาห์ถูกขนาบรอบทิศ หนีไปไหนไม่พ้น
อาณาจักรเหนือ ร่วมมือกับ ซีเรีย และต้องการรุกรานยูดาห์ เพื่อผนึกรวมกำลังไว้ต่อต้านกับอัสซีเรีย ยูดาห์ที่เป็นชนชาติเล็กๆ เลือกที่จะสวามิภักดิ์กับอัสซีเรีย ยอมถวายเครื่องราชบรรณาการที่เอาจากพระวิหารให้กับอัสซีเรีย เท่านั้นยังไม่พอ ยังนำเอาพระของอัสซีเรียมานมัสการในพระวิหารด้วย
ยูดาห์ละทิ้งพระยาห์เวห์ ภายใต้สถานการณ์ที่กดดันรอบทิศ แสวงหาความช่วยเหลือจากมหาอำนาจ เพื่อเอาตัวรอด แม้ญาติดีกับอัสซีเรีย แต่อีกใจก็กลัว การรุกรานจากอัสซีเรียมาก ก็หวังจะไปพึ่งอียิปต์ สองจิตสองใจระหว่างอียิปต์กับอัสซีเรีย
ยูดาห์ต้องอยู่อย่างหวาดผวา อยู่กับความกลัว สิ้นหวัง และขาดสันติภาพและสันติสุข
อิสยาห์ ผู้เผยพระวจนะจากพระเจ้าได้เตือนยูดาห์ให้กลับมาพึ่งพาพระยาห์เวห์ เพราะมีเพียงพระยาห์เวห์เท่านั้นที่จะช่วยยูดาห์ให้รอดได้
ใน ลูกา บทที่ 2 อิสราเอลตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรโรมัน พี่น้องครับ เวลาที่เราสิ้นชาติ เรามีสันติสุขมั้ยครับ ขาดอิสรภาพ ต้องทำตามกฎหมายของคนต่างชาติ เรียนภาษา และรับเอาวัฒนธรรมของเค้ามา
อิสราเอลในเวลานั้นความคิดก็แตกแยก
มีกลุ่มที่ต้องการปลดปล่อยให้เป็นอิสระโดยใช้กำลัง
มีกลุ่มก้าวหน้าที่ต้องการกลมกลืนไปกับโรมัน เพื่อรับความเจริญก้าวหน้า และ ความรุ่งเรืองภายใต้โรมัน
มีกลุ่มที่ปฎิเสธการกลมกลืนไปกับโรมัน ต้องการกลับไปสู่ธรรมบัญญัติ และรักษาโทราห์อย่างเคร่งครัด
มีกลุ่มที่แยกตนเองออกมาโดดเดี่ยวอยู่กลางทะเลทราย ปฎิเสธความชอบธรรมของปุโรหิตของพระวิหาร ในเยรูซาเล็ม
ท่ามกลางสังคมที่แตกแยก ตกเป็นทาส อยู่ภายใต้ผู้ปกครองต่างชาติ ขาดอิสรภาพ มีความรุนแรงอยู่บ่อย ๆ ครับ กุมารพระเยซูคริสต์ทรงบังเกิดที่เบธเลเฮม
อิสยาห์ บทที่ 11 ข้อที่ 1 “จะมีหน่อหนึ่งแตกออกจากตอของเจสซี และกิ่งหนึ่งที่งอกจากรากของเขานั้นจะเกิดผล”
พระคัมภีร์พูดถึง ตอไม้ พี่น้องครับ เวลาเราเห็นตอไม้ เราคิดถึงอะไรครับ
ความตาย เป็นต้นไม้ที่ตายแล้ว ไม่สามารถเกิดผลใดๆได้อีก
หมดหวัง ความสิ้นหวัง ไม่สามารถมีกิ่งใดๆ งอกออกมาได้อีกแล้ว จากตอไม้ที่ตายแล้ว
การพิพากษา ต้นไม้ที่เหลือแต่ตอ แสดงว่าต้องถูกตัด โค่นลง มีสาเหตุมากมายที่ต้องโค่นต้นไม้ทิ้ง อาจจะเป็นต้นไม้ที่ไม่เกิดผล ยอห์น ผู้ให้บัพติสมา กล่าวกับคนอิสราเอลที่มารับบัพติสมากับท่านที่แม่น้ำจอร์แดน ในมัทธิว 3:10 “บัดนี้ขวานวางไว้ที่โคนต้นไม้แล้ว และทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีจะต้องถูกตัดโค่นแล้วโยนทิ้งในกองไฟ”
พระเจ้าพิพากษาอิสราเอล อิสราเอลที่ละทิ้งพระยาห์เวห์ ละทิ้งทางชอบธรรมของพระยาห์เวห์ หันไปนมัสการพระต่างๆ นำความอับอายมาสู่ตนเอง อาณาจักรอิสราเอลที่เคยยิ่งใหญ่ในสมัยของกษัตริย์โซโลมอน บัดนี้ไม่หลงเหลือ ความยิ่งใหญ่อีกแล้ว อยู่ในสภาพสิ้นชาติ ตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรโรมัน
พี่น้องครับ วันนี้ ตอไม้ ในชีวิตของเราคืออะไรครับ
ชีวิตก่อนที่เราจะมาหาพระคริสต์ คือ ตอไม้ เป็นความตาย สิ้นหวัง และนำไปสู่การพิพากษา
แม้ว่าเราเป็นคริสเตียนแล้ว อยู่ในพันธสัญญากับพระเจ้า แต่ยังคงดำเนินชีวิตแบบละทิ้งพระเจ้า ไม่เคยอธิษฐาน ไม่เคย แสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าเลย เราก็กำลังเหมือนอย่างอิสราเอลที่ละทิ้งพระยาห์เวห์ ไปนมัสการพระอื่น นมัสการความสำเร็จ เงินทอง ชื่อเสียง ความสุขสบายในชีวิต หรือแม้กระทั่งครอบครัว ชีวิตที่ไม่สนใจพระเจ้า ชีวิตที่ปราศจากพระเจ้า ชีวิตที่ยังคงจมอยู่ในความบาปบางอย่างที่ไม่ยอมกลับใจ ชีวิตที่เป็นเหมือน ตอไม้ ไม่เกิดผล สิ้นหวัง และนำไปสู่ความตาย และการพิพากษา “รอถูกตัดโค่นแล้วโยนทิ้งในกองไฟ”
ตอไม้ ในชีวิตของเรา อาจจะหมายถึง ความทุกข์ยากลำบาก วิกฤติในชีวิตของเรา ที่นำมาซึ่ง ความผิดหวัง หมดหวังในชีวิต สถานการณ์ในชีวิตของเราที่ดูเหมือนมืดแปดด้าน ปราศจากทางออก สถานการณ์ที่ดูเหมือนว่า เราทำอะไรอีกไม่ได้แล้ว
สำหรับครอบครัวโฮราชิโอ้และแอนนา คือ ความสูญเสียลูกๆทั้งสี่คน การสูญเสียทรัพย์สินและธุรกิจ เขาสูญเสียทุกอย่างที่เราเรียกว่า เป็นความมั่นคงในชีวิต เป็นเหตุการณ์ที่มืดจริงๆ
บางคนที่นี่ ตอไม้ อาจจะเป็น การตกงาน ขาดรายได้ ธุรกิจ กิจการกำลังเริ่มไปได้ด้วยดี กลับต้องมาสะดุด ขาดรายได้ ขาดความมั่นคงในชีวิต
ตอไม้ อาจหมายถึง การสูญเสีย คนที่เรารักในครอบครัว คริสตมาสนี้อาจเป็นคริสตมาสแรกที่ไม่มีเค้าอยู่ด้วยแล้ว
ตอไม้ อาจจะหมายถึง ความเจ็บป่วย ของคนที่เรารักในครอบครัว นำมาซึ่งความเครียดในครอบครัว ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการรักษา และการดูแล เวลาและความเหน็ดเหนื่อยในการดูแลคนที่เรารัก
ตอไม้ สำหรับบางคน อาจจะหมายถึง การที่กำลังต่อสู้กับโรคซึมเศร้า ตามลำพัง มาอย่างยาวนาน ขาดคนที่เข้าใจ และเห็นใจ
ท่ามกลางสถานการณ์เหล่านี้ ให้เราเป็นเหมือนกับ โฮราชิโอ้ ในบทเพลงฮีมของเขา
“เมื่อ ความ สุขสำราญ ผ่านมาทาง ใจของข้า
เมื่อ ทุกข์ ทรมาน พัดผ่านมา
ไม่ว่า เกิดเหตุใด พระองค์สอน ให้พูดว่า
วิญญาณข้า สุขสบาย สุขหรรษา”
พี่น้องครับ ในตอไม้ที่ดูเหมือนตายแล้ว อิสยาห์บอกกับเรา ในข้อที่ 1-3 ว่า
“จะมีหน่อหนึ่งแตกออกจากตอของเจสซี และกิ่งหนึ่งที่งอกจากรากของเขานั้นจะเกิดผล และพระวิญญาณของพระยาห์เวห์จะทรงอยู่บนท่าน คือพระวิญญาณแห่งปัญญาและความเข้าใจ พระวิญญาณแห่งคำปรึกษาและอานุภาพ พระวิญญาณแห่งความรู้และความยำเกรงพระยาห์เวห์ ความชื่นชอบของท่านคือความยำเกรงพระยาห์เวห์”
ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนนำมาซึ่งความสิ้นหวัง โดดเดี่ยว และความตาย ที่ผมกล่าวมาที่เราแต่ละคนกำลังเผชิญอยู่ เราสามารถเผชิญกับวิกฤติเหล่านี้ได้ อย่างมีสันติสุข เพราะว่า เรายังคงมีความหวังในพระคริสต์ ผู้ทรงเป็นพระเมสสิยาห์ พระคริสต์ผู้ทรงเป็น องค์สันติราช และความมั่นคงที่แท้จริง พระคริสต์เพียงผู้เดียว ผู้ทรงเป็นความหวัง สันติภาพ และสันติสุข ในชีวิตของเรา
มีเพียงพระคริสต์เท่านั้นที่สามารถนำมาซึ่งสันติสุข ที่แท้จริง ไม่ใช่ วัตถุสิ่งของภายนอก ไม่ใช่ความสำเร็จในขีวิติ ไม่ใช่มนุษย์ที่เรายึดถือ ไม่ใช่ซีซาร์ ไม่ใช่รูปแบบการเมืองการปกครองแบบใดแบบหนึ่งโดยมนุษย์คนบาป มีอยู่สองสิ่ง ที่พระเมสสิยาห์นำมา ในอาณาจักรแห่งสันติสุข ของพระองค์ ซึ่งเป็นความหวังของเรา พระองค์จะทรงปกครองอาณาจักรแห่งสันติสุข สันติสุขที่แท้จริง ต้องปกครองด้วย
ประการที่ 1 ความยุติธรรมที่แท้จริง
พบในข้อที่ 3-5 “ท่านจะไม่พิพากษาตามสิ่งที่ตาท่านได้เห็น หรือตัดสินตามสิ่งที่หูท่านได้ยิน แต่ท่านจะพิพากษาคนจนด้วยความชอบธรรม และตัดสินให้กับคนต่ำต้อยของแผ่นดินด้วยความเที่ยงธรรม ท่านจะตีแผ่นดินโลกด้วยตะบองจากปากของท่าน และท่านจะประหารคนอธรรมด้วยลมจากริมฝีปากของท่าน ความชอบธรรมจะเป็นสายคาดเอวของท่านและความซื่อสัตย์จะเป็นผ้าคาดที่บั้นเอวของท่าน”
โลกเราทุกวันนี้หาความยุติธรรมยากจริงๆ จนบางคนบอกว่า ไม่ต้องไปหาความยุติธรรมในชีวิตหรอก เพราะว่ามันไม่เคยมีอยู่จริง
พี่น้องครับ ความยุติธรรม ต้องมาจากความจริง และ การแสวงหาความจริงเป็นสิ่งที่ยากที่สุด เพราะเราไม่เคยรู้เลยว่าความจริงคืออะไร แม้แต่บางครั้งสิ่งที่เรามองเห็น หรือได้ยิน ก็ยังไม่ใช่ความจริง
หนึ่งในบทสนทนาที่คลาสิกที่สุดคือ ปิลาต กับ พระเยซู ระหว่าง ตัวแทนของอำนาจการเมืองการปกครองแบบโลก กับ กษัตริย์พระเมสสิยาห์ องค์สันติราช
พระเยซูตรัสกับปิลาตว่า “เราเกิดมาและเข้ามาในโลกเพื่อเป็นพยานให้กับสัจจะ ทุกคนที่อยู่ฝ่ายสัจจะย่อมฟังเสียงของเรา” ปิลาต จบบทสนทนา โดยทูลถามพระเยซูว่า “สัจจะคืออะไร”
พี่น้องครับ ภายใต้การปกครองของพระคริสต์ ความยุติธรรมและความจริงจะปรากฏ คนยากจน และคนต่ำต้อยในสังคมจะได้รับความเป็นธรรม และจะทรงพิพากษาคนอธรรมด้วยตะบองจากปากของท่าน ไม่ใช่ตะบองจากมือของท่าน เพราะท่านไม่ใช้ความรุนแรงหรืออาวุธเพื่อประหัตประหารกัน เหมือนอย่างที่มนุษย์ทำกันอีกต่อไป แต่เป็นพระคำจากปากของพระองค์
ประการที่ 2 สันติสุขที่แท้จริง ที่พระเมสสิยาห์จะนำมาคือ การรื้อฟื้นสู่สภาพที่ครบบริบูรณ์ และ การคืนดี
ข้อ 6-10 “สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ และเสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคกับสิงโตหนุ่มจะหากินอยู่ด้วยกันและเด็กเล็กๆจะนำพวกมันไป แม่โคกับหมีจะหากินด้วยกัน ลูกๆของมันก็จะนอนอยู่ด้วยกัน และสิงโตจะกินฟางเหมือนวัวผู้ และทารกที่กินนมจะเล่นอยู่ที่ปากรูของงูเห่า และเด็กที่หย่านมจะเอามือวางบนรังของงูทับทาง จะไม่มีการทำให้เจ็บปวดหรือการทำลายทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะว่าแผ่นดินโลกจะเต็มด้วยความรู้ในเรื่องของพระยาห์เวห์เหมือนน้ำปกคลุมทะเลอยู่นั้น ในวันนั้น รากของเจสซีจะตั้งขึ้นเป็นสัญลักษณ์แก่ชนชาติทั้งหลาย และท่านจะเป็นที่แสวงหาของบรรดาประชาชาติ และที่พำนักของท่านจะรุ่งโรจน์”
ภาพในข้อที่ 6-10 เป็นภาพของสันติสุขที่แท้จริง ที่สะท้อนให้เห็นภาพจากสวนเอเดน ที่บรรดาสรรพสัตว์ต่างอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ก่อนที่ความบาปจะเข้าในโลก พระเมสสิยาห์ พระเยซูคริสต์จะทรงนำมาซึ่ง การรื้อฟื้นอย่างสมบูรณ์ ปฎิบูรณาการ และ การคืนดี อาณาจักรแห่งสันติสุขได้มาถึงแล้ว ในการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์
สันติสุขที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ ต้องมีการรื้อฟื้นและการคืนดี และนี่คือ ข่าวประเสริฐ ข่าวดีที่พระเยซูทรงนำมาให้กับเราในคริสตมาส การเสด็จมารับสภาพมนุษย์ในคริสตมาส เพื่อสถาปนาอาณาจักรแห่งสันติสุขบนโลกนี้ อาณาจักรแห่งสันติสุขนี้ มาแล้ว แต่ยังไม่ครบบริบูรณ์ อาณาจักรแห่งสันติสุข ผ่านการรื้อฟื้น ปฎิบูรณาการ และการคืนดี จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ เมื่อพระเยซู เสด็จกลับมาอีกครั้งในครั้งที่สอง ที่เราต่างรอคอยการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ เพื่อปกครองโลกนี้อย่างสมบูรณ์
ด้วยข่าวดีนี้เอง จึงเป็นความหวัง เป็นหน่อที่เติบโตออกจากตอไม้ ของเจสซี ผู้ซึ่งแป็นคนธรรมดาๆ คุณพ่อของกษัตริย์ดาวิด พระเมสสิยาห์ที่สืบเชื้อสายจากกษัตริย์ดาวิด ตามพระสัญญา พระเยซูคริสต์ผู้กำเนิดมาในครอบครัวคนธรรมดาสามัญ ไม่มีความสำคัญใดๆ เหมือนอย่างเจสซี ที่ให้กำเนิด กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของอิสราเอลคือ กษัตริย์ดาวิด
ลูกา บทที่ 2 ทูตสวรรค์มาประกาศข่าวดี การมาบังเกิดของพระเยซูคริสต์ ต่อบรรดาคนเลี้ยงแกะ การเสด็จมาของพระเมสสิยาห์ พระผู้ช่วยให้รอด ข่าวดีนี้ เริ่มต้นประกาศกับคนธรรมดาๆ ที่เป็นเหมือนกับเจสซี คนเลี้ยงแกะ ในข้อที่ 14 บรรดาชาวสวรรค์หมู่หนึ่งก็มาปรากฏอยู่กับฑูจสวรรค์ร่วมกันสรรเสริญพระเจ้าว่า
“พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์โปรดปรานนั้น”
พระเยซูคริสต์ กษัตริย์พระเมสสิยาห์ หน่อที่แตกออกมาจากตอเจสซี การปกครองของท่านผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถนำมาซึ่งอาณาจักรแห่งสันติสุขที่แท้จริง ไม่ใช่การเมืองการปกครองแบบมนุษย์คนบาป การปกครองแห่งสันติสุขที่แท้จริง ซึ่งประกอบไปด้วย ความยุติธรรม และ การรื้อฟื้นอย่างสมบูรณ์ การปฎิบูรณาการ และการคืนดี
นี้จึงเป็นความหวังของเรา ที่เป็นผู้เชื่อ ท่ามกลาง ตอไม้แห่งความสิ้นหวัง ข่าวดีคือ พระเยซูคริสต์ ทรงเป็นความหวังและสันติสุขที่แท้จริง เทศกาลเตรียมรับเสด็จ จึงเป็นการระลึกถึง การเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ที่เบธเลเฮม เมื่อกว่าสองพันปีที่แล้ว
พี่น้องครับ โฮราชิโอ สามารถร้องเพลง จิตใจข้าสุขสบาย ได้ท่ามกลางวิกฤติและความมืดมนในสิ่งที่ครอบครัวเขาต้องเผชิญ การสูญเสียลูกๆทั้งสี่คน ก่อนวัยอันควร การสูญเสียทรัพย์สมบัติ ธุรกิจที่กำลังเจริญเติบโต แต่ท่ามกลางวิกฤตินี้ โฮราชิโอและ แอนนา รู้ความจริงอยู่ข้อหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือ พระคริสต์ทรงเป็นพระเมสสิยาห์ และทรงปกครอง ครอบครองอยู่ในอาณาจักรแห่งสันติสุข
ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในช่วงคริสตมาส ปี 1873 หลายปีต่อมา ในปี 1881 ครอบครัวของโฮราชิโอและแอนนา ก็ได้ย้ายครอบครัว ไปอยู่ที่เยรูซาเล็ม บริเวณใกล้ๆกับเบธเลเฮม ที่นั้นแอนนาและลูกๆของเธอได้ร่วมกันระดมทุน และทำงานสังคมสงเคราะห์ ดูแลเด็กกำพร้า คนยากไร้ในสังคม และโรงพยาบาลสำหรับเด็ก บางส่วนของงานสังคมสงเคราะห์ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน
ตอไม้ ที่ครอบครัวของเขาต้องเผชิญ บัดนี้ได้มี หน่อแตกออกมาจากรากและเกิดผล เป็นพรแก่คนมากมาย และยังคงเป็นพรให้กับคนมากมายจนถึงปัจจุบัน
พี่น้องครับ ตอนที่ เขาปฎิเสธว่าลูกๆของเขาจมอยู่ใต้ทะลลึกกว่า 5 กิโลเมตร แต่เขากลับเงยหน้าขึ้นมองดูดวงดาวบนฟ้าในค่ำคืนนั้น ผมเชื่อแน่ว่า เขารู้ว่า ลูกๆของเขา บัดนี้ได้อยู่ในอาณาจักรสันติสุขนิรันดร์ ร่วมกับพระคริสต์ และ ความหวังของทั้งสองคน คือ วันหนึ่ง ทั้งครอบครัวจะได้พบกันอีกครั้ง เมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมา และสถาปนาอาณาจักรแห่งสันติสุขของพระองค์อย่างสมบูรณ์บนโลกนี้ และผมอยากให้นี่คือความหวังพี่น้องทุกคนที่นี่ วันนี้ไม่ว่า ตอไม้ ในชีวิตของเราแต่ละคนคืออะไร เราสามารถมั่นใจได้ว่า จะมีหน่อ แตกออกมาจากตอไม้ จะมีชิวิต และความหวัง ออกมาจาก ตอไม้ ในชีวิตของเรา และหน่อแห่งชีวิตนั้นคือ องค์พระเยซูคริสต์ในขชีวิตของเรา ผู้ทรงเป็น องค์สันติราช ทรงเป็นความหวัง และสันติสุขในชีวิตของเรา
เป็นเวลามากกว่า 150 ปี ที่มีผู้คนหลายล้านคนได้ร้องเพลงฮีมนี้ของเขาและได้รับการปลอบประโลมใจจากเนื้อหาของบทเพลง แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า ขณะที่กำลังแต่งเพลงนี้ เขากำลังเผชิญกับอะไรอยู่บ้าง
บทเพลงนี้คือ ความหมายที่แท้จริงของสันติสุขในเทศกาลคริสตมาส เพราะว่า มีทารกคนหนึ่งได้มาบังเกิดแล้วที่เบธเลเฮม ผู้ทรงเป็นองค์สันติราช ได้เสด็จมาปกครองโลกนี้แล้ว เหตุเพราะว่าพระองค์
จิตวิญญาณของเราจึงสามารถอยู่เหนือความทุกข์ทั้งมวลได้
เพราะเมื่อไรก็ตามที่ความทุกข์มาเยือน ความรักของพระเจ้าที่เป็นเหมือนแสงสว่างจะส่องเข้ามาในความมืดมิดของเรา
ความหวัง สามารถเยียวยารักษาบาดแผลแห่งจิตวิญญาณและ
คริสตมาสจึงเป็นช่วงเวลา แห่ง การให้
คริสตมาสจึงเป็นช่วงเวลา แห่ง การให้ความรักซึ่งกันและกัน
และเมื่อไหร่ก็ตามที่เรา ให้ และ รักซึ่งกันและกัน เรากำลังทำสิ่งเดียวกันกับบรรดาผู้เชื่อทั้งหลายและเหล่าทูตสวรรค์ ที่ร่วมกันร้องสรรเสริญพระเจ้าว่า
“พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์โปรดปรานนั้น”
พี่น้องครับ ขอให้มนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์ทรงโปรดปรานคือ พวกเราทุกคนที่นี่ ครับ
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐานครับ
พระบิดา ลูกๆเข้ามาหาพระองค์ในบ่ายวันนี้ เพื่อขอรับความหวังใจ ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จ การเสด็จมาบังเกิดของพระเยซูคริสต์ หน่อที่แตกออกจากตอไม้ กิ่งที่งอกออกจากรากเพื่อเกิดผล พระคริสต์ทรงเป็นความหวัง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ลูกกำลังเผชิญอยู่
พระบิดา ขอให้ลูกไม่ละทิ้งความหวังในพระคริสต์ ขอพระคริสต์ทรงปกครอง ครอบครองอยู่ในชีวิตของลูก ขอสันติสุขครอบครองจิตใจของลูก แม้ว่าลูกต้องอยู่ในสถานการณ์ใดๆ
ลูกขอบคุณพระองค์ เพราะในปัญหาต่างๆที่ลูกกำลังเผชิญอยู่ พระองค์ทรงอยู่ด้วย และเมื่อลูกแสวงหาพระองค์ในคำอธิษฐาน พระองค์ทรงเปิดเผย เพื่อที่ลูกจะได้รู้จักพระองค์มากยิ่งขึ้น