ฤทธิ์เดชการคืนพระชนม์...ความจริงตามพระวจนะพระเจ้า
Notes
Transcript
ฤทธิ์เดชการคืนพระชนม์...ความจริงตามพระวจนะพระเจ้า
คริสตจักรแองลิกัน ลาดกระบัง/ ไคร้สตเชิช กรุงเทพ
วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2021
ลูกา 24: 36-49
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[SLIDE 1]
ผมอยากจะเริ่มต้นคำเทศนาของผม ด้วยใช้ระเบียบพิธีนมัสการของแองลิกันในเทศกาลอีสเตอร์นะครับ
ขอให้พี่น้องมีส่วนร่วมพูดตามในส่วนของ ที่ประชุมนะครับ ตามสไลด์นะครับ
[SLIDE 2]
ผู้นำ: พระคริสต์ทรงคืนพระชนม์แล้ว
ที่ประชุม: พระองค์ทรงคืนพระชนม์แล้ว จริงๆ
อาเมน!!! ฮาเลลูยา สรรเสริญพระเจ้า
พี่น้องครับ เรายังอยู่ในเทศกาลอีสเตอร์ หรือ พระคริสต์คืนพระชนม์ พระคัมภีร์บันทึกว่า หลังจากที่พระเยซูทรงคืนพระชนม์ในวันอีสเตอร์ พระองค์ยังคงใช้เวลากับเหล่าสาวกสั่งสอนพวกเขาถึงอาณาจักรพระเจ้า อีกสี่สิบวัน ก่อนที่จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ที่ภูเขามะกอกเทศ
ดังนั้น การเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์ จึงไม่ใช่แค่วันอาทิตย์อีสเตอร์เพียงวันเดียวนะครับ คริสตจักรจะยังคงเฉลิมฉลอง การเป็นขึ้นจากความตาย หรือ พระเยซูคริสต์ คืนพระชนม์ต่อเนื่องไปอีก 5 สัปดาห์นะครับ
ก่อนที่จะระลึกถึง วันที่พระเยซูคริสต์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ประทับที่เบื้องขวาของพระเจ้าพระบิดา
วันอาทิตย์ที่แล้ว อาจารย์แอนดรูว์ได้ปูพื้นฐาน ฤทธิ์เดชในการคืนพระชนม์ คือ ความเชื่อ อาจารย์แอนดรูว์อธิบายว่า ความเชื่อของพวกเราคริสตชน ไม่ได้ตั้งอยู่บนตำนาน เทพนิยาย หรือเรื่องเล่าที่ไม่มีหลักฐานใดๆ
ความจริงแล้ว ความเชื่อของคริสเตียน ตั้งอยู่บน หลักฐานเชิงประจักษ์ที่สำคัญ คือ เหตุการณ์ การเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูคริสต์ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ความจริงแล้วตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติ มีเพียงพระเยซูคริสต์พระองค์เดียวเท่านั้นที่ เป็นขึ้นจากความตาย คือรับสภาพกายใหม่ ที่ไม่ต้องตายอีก เป็นร่างกายใหม่ที่ไม่ใช่เพียง ผี หรือ วิญญาณ สามารถจับต้องได้ กินอาหารกับบรรดาสาวกได้ เพื่อพิสูจน์ว่าทรงเป็นพระเจ้า ตามคำพยากรณ์ที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมหลายร้อยปีก่อนการเสด็จมาบังเกิดของพระเยซูคริสต์
มีประจักษ์พยานจากผู้ที่เห็นเหตุการณ์ ทั้งในกลุ่มย่อย สองคน กลุ่มเล็ก ไม่กี่คน กับบรรดาสาวก สิบกว่าคน อย่างเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ตอนนี้ที่บันทึกตามคำบอกเล่าของพยานโดยนายแพทย์ลูกา
ตามกฎหมายของยิว โทราห์แล้ว
[SLIDE 3]
เฉลยธรรมบัญญัติ 19:15
“... แต่ต้องมีพยานสองหรือสามปากคำพยานนั้นจึงจะเป็นที่เชื่อถือได้”
อาจารย์เปาโล ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญโทราห์เป็นอย่างดีได้ เขียนสรุปถึง เรื่องการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ใน จดหมายฝากของท่านถึงผู้เชื่อในเมืองโครินธ์ ได้อย่างน่าสนใจ ครับ น้ำหนักความน่าเชื่อถือ ของการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ที่มีมากกว่ายิ่งกว่า เพียงพยาน สองหรือสามปาก ตามกฎหมายของยิว
[SLIDE 4]
1โครินธ์ 15: 3-8
“เพราะว่าข้าพเจ้าได้มอบเรื่องสำคัญที่สุดที่ได้รับมานั้นแก่พวกท่านคือ พระคริสต์วายพระชนม์เพราะบาปของเรา ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ (ในพันธสัญญาเดิม) และทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามพระองค์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ (ในพันธสัญญาเดิม) และทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามพระองค์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ (ในพันธสัญญาเดิม) พระองค์ทรงปรากฏต่อเคฟาส แล้วต่ออัครทูตสิบสองคน ต่อจากนั้น พระองค์ทรงปรากฏต่อพี่น้องกว่าห้าร้อยคนในเวลาเดียวกัน ที่ส่วนมากยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่บ้างก็ล่วงหลับไปแล้ว ต่อจากนั้นพระองค์ทรงปรากฏต่อยากอบ แล้วต่ออัครทูตทั้งหมด หลังสุดพระองค์ทรงปรากฎต่อข้าพเจ้า ผู้เป็นเหมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนด”
ประจักษ์พยานที่สำคัญ ของเหตุการณ์ การคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ปรากฏอย่างชัดเจนอีกครั้ง ให้เห็นเป็นรูปธรรมเมื่อบรรดาสาวกได้ออกไปปล่าวประกาศเรื่องราวของข่าวประเสริฐ หรือ พระกิตติคุณ ที่พระเยซูได้ตรัสกับสาวกใน ลูกา 24 พระคัมภีร์ใน เช้า / บ่าย วันนี้
หลังจากที่สาวก มีประสบการณ์ การเป็นขึ้นจากความตายแล้ว พระเยซูทรงนำสาวก ให้เข้าสู่ “ความจริง” ที่ “ถูกต้อง” สามประการ เพราะพระเยซูทรงรู้ว่า การได้รับประสบการณ์อัศจรรย์ ไม่เพียงพอ ที่จะทำให้ สาวก สามารถดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ ตามแผนการ น้ำพระทัยของพระเจ้า ให้สำเร็จได้ สาวกจำเป็นต้อง มี “ความจริง” ที่ถูกต้อง อีก สามประการ
พี่น้องครับ การมีประสบการณ์กับพระเจ้า ก็ยังไม่เพียงพอเช่นกัน บางคน พระเจ้าตอบคำอธิษฐานอย่างอัศจรรย์ แม้ว่ายังเป็นเพียงผู้สนใจ ผู้เชื่อใหม่ หรือ แม้ว่าเป็นผู้เชื่อมาแล้วหลายปีก็ตาม การดำเนินชีวิตคริสเตียนโดยเพียงอาศัยประสบการณ์ เพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอ ที่จะทำให้เราเป็น สาวกแท้ ที่แผนการพระเจ้าสำเร็จในชีวิตของเราได้ เพราะในที่สุดเราอาจจะหลงทางไปได้ บางคนหลงไปสู่ลัทธิเทียมเท็จ หรืออาจจะเลิกติดตามพระเจ้าในที่สุด
ตัวอย่าง คำพยานของอาจารย์แอนดรูว์สัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานอาจารย์เรื่องหัวเข่าที่บาดเจ็บในการเล่นกีฬาฟุตบอล แต่อาจารย์ก็ไม่ได้กลับไปนมัสการพระเจ้าหรือเดินกับพระเจ้าอย่างยั่งยืน ไม่ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณในช่วงเวลานั้น เพราะอะไรครับ ?
เพราะประสบการณ์กับพระเจ้าเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะให้เราเดินไปกับพระเจ้าอย่างมั่นคงได้ครับ !!!
การมีประสบการณ์กับพระเจ้า เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ให้เราเดินกับพระเจ้า เมื่อมีประสบการณ์กับพระเจ้าแล้ว เราจำเป็นต้องมี สาม ความจริงนี้ ที่เปิดเผยใน พระคัมภีร์ตอนนี้ เพื่อที่เราจะมีชีวิตที่เติบโตฝ่ายวิญญาณ เดินไปกับพระเจ้าอย่างยั่งยืน
[SLIDE 5]
สิ่งที่สำคัญที่ตามมา มี สาม “ความจริง” ที่ “ถูกต้อง” ที่เราในฐานะผู้เชื่อต้องมี คือ
(1) “ความเข้าใจ” ที่ “ถูกต้อง” ถึง ข่าวประเสริฐ ที่เปิดเผยแล้ว ในพระคัมภีร์ (ข้อ 44-46)
[SLIDE 6]
ลูกา 24:44-46
“พระองค์ตรัสกับเขาว่า นี่เป็นถ้อยคำของเรา ซึ่งเราบอกไว้กับท่านทั้งหลายขณะที่เรายังอยู่กับท่านว่า บรรดาถ้อยคำที่เขียนไว้ในหมวดธรรมบัญญัติของโมเสส ในหมวดผู้เผยพระวจนะ และในหมวดเพลงสดุดีที่กล่าวถึงเรานั้น จำเป็นจะต้องสำเร็จ แล้วพระองค์ทรงช่วยให้ใจของพวกเขาสว่างเพื่อจะได้เข้าใจพระคัมภีร์ พระองค์ตรัสกับเขาว่า มีถ้อยคำเขียนไว้อย่างนั้นว่า พระคริสต์จะต้องทนทุกข์และเป็นขึ้นจากตายในวันที่สาม”
พระคัมภีร์ตอนนี้เปิดเผยว่า พระเยซูคริสต์ทรงช่วยให้ใจของพวกเขาสว่าง คำว่า “สว่าง” นี้ ให้ความหมายถึง การเปิดใจ การอธิบายตีความ เพื่อจะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของพระคำพระเจ้า
พระคัมภีร์ ต้องการการอธิบายและการตีความหมาย เพื่อให้เราเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้า พระคัมภีร์ตอนนี้กำลังอธิบายว่า การที่เราจะเข้าใจพระคัมภีร์จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องการ พระเยซูคริสต์ ผู้มีสิทธิอำนาจสูงสุดในการอธิบายและตีความหมายของพระคัมภีร์
ยอห์น ได้ขยายความเข้าใจนี้ ในพระกิตติคุณ ยอห์น บทที่ 1 ว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระวาทะ และทรงเป็นพระเจ้า พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาโดยพระวาทะ ในบรรดาสิ่งที่เป็นอยู่นั้น ไม่มีสักสิ่งเดียวที่เป็นอยู่นอกเหนือพระวาทะ และในข้อ 14 ยอห์นบอกว่า “พระวาทะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์...”
ดังนั้นพระเยซูคริสต์ จึงเป็นผู้เดียวที่มีสิทธิอำนาจสูงสุดในการอธิบายและตีความพระคัมภีร์ ในข้อ 44-46 พระเยซูกำลังอธิบาย ตีความพระคัมภีร์ทั้งเล่มว่า อธิบายว่า “ทำไม” เพื่อที่มนุษย์จะเข้าใจ พระประสงค์ ของพระเจ้า พระเจ้าไม่ได้ เปิดเผยในพระคัมภีร์ “อย่างไร” แต่เปิดเผยว่า “ทำไม”
พระเยซู พระอาจารย์ของศิษย์ของพระองค์ในเวลานี้กำลังอธิบาย ตีความพระคัมภีร์ให้กับศิษย์ที่พระองค์ทรงรักเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะทรงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ในข้อที่ 51 ตอนท้ายของบทนี้ ดังนั้นจึงเป็น ใจความสำคัญที่เปิดเผย ว่า “ทำไม”
พระองค์ทรงเปิดเผย แผนการความรอด สำหรับมนุษย์หมดโลก ในข้อ ที่ 44-46 ว่า พระองค์เสด็จมาทำไม
“บรรดาถ้อยคำที่เขียนไว้ในหมวดธรรมบัญญัติของโมเสส ในหมวดผู้เผยพระวจนะ และในหมวดเพลงสดุดีที่กล่าวถึงเรานั้น จำเป็นจะต้องสำเร็จ”
มีคนพยายามรวบรวมคำพยากรณ์ถึงพระเมสสิยาห์จากพันธสัญญาเดิมได้ 351 ข้อ และทุกข้อสำเร็จในพระเยซูคริสต์
“...พระคริสต์จะต้องทนทุกข์และเป็นขึ้นจากตายในวันที่สาม”
ใน อิสยาห์ 53: 5-12 พี่น้องสามารถนั่งหลับตาฟังข้อพระคัมภีร์ที่ผมจะอ่านให้พี่น้องฟังต่อไปนี้นะครับ เพื่อที่เราจะซาบซึ้งในความรัก ที่สำแดงผ่าน ข่าวประเสริฐ ของพระเยซูคริสต์
[SLIDE 7]
อิสยาห์ 53: 5-12
“แต่ท่านถูกแทงเพราะความทรยศของเรา ท่านบอบช้ำเพราะความบาปผิดของเรา การตีสอนที่ตกบนท่านนั้นทำให้เราพวกเรามีสวัสดิภาพ (ชาโลม) และที่ท่านถูกเฆี่ยนตีก็ทำให้เราได้รับการรักษา เราทุกคนหลงทางไปเหมือนแกะ ต่างคนต่างหันไปตามทางของตนเอง และพระยาห์เวห์ทรงวางความผิดบาปของเราทุกคนลงบนตัวท่าน ท่านถูกบีบบังคับและถูกข่มใจ ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก เหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า และเหมือนแกะที่เป็นใบ้ต่อหน้าผู้ตัดขนของมันเช่นใด ท่านก็ไม่ปริปากของท่านเลยเช่นนั้น ท่านถูกนำตัวไปด้วยการบังคับและการตัดสินและคนในยุคสมัยของท่านนั้น มีใครเล่าที่คิดว่า ที่ท่านถูกตัดออกไปจากแผ่นดินของคนเป็นนั้น ที่ท่านถูกตีนั้นเพราะการทรยศของชนชาติของข้าพเจ้า และเขาจัดหลุมศพของท่านไว้กับคนอธรรม และเขาจัดท่านไว้กับเศรษฐีในความตายของท่าน
[SLIDE 8]
แม้ว่าท่านไม่ได้ทารุณใดๆและไม่มีการหลอกลวงใดๆในปากของท่าน แต่พระยาห์เวห์ยังทรงประสงค์ให้ท่านบอบช้ำด้วยการบาดเจ็บ เมื่อชีวิตของท่านเป็นเครื่องลบล้างบาป ท่านจะเห็นพงศ์พันธุ์ของท่าน ท่านจะยืดวันเวลาของท่าน พระประสงค์ของพระยาห์เวห์จะเจริญขึ้นในมือของท่าน ภายหลังความลำบากของตัวเขา เขาจะเห็นและจะพึงพอใจ โดยความรู้ของเขา ผู้รับใช้ชอบธรรมของเรา จะทำให้คนจำนวนมากเป็นคนชอบธรรม และเขาจะแบกความบาปผิดทั้งหลายของพวกเขา เพราะฉะนั้นเราจะแบ่งส่วนหนึ่งแก่เขาเช่นเดียวกับคนใหญ่โต และเขาจะแบ่งของริบกับพวกผู้ยิ่งใหญ่ เพราะเขาเทตัวของเขาลงถึงความมรณะและถูกนับเข้ากับพวกคนทรยศ เขาเองแบกบาปของคนจำนวนมาก และเขาอ้อนวอนเพื่อพวกคนทรยศ”
พระเยซูคริสต์จะต้องทนทุกข์ เพื่อเป็นเครื่องลบล้างบาปของคนเป็นอันมาก บาปของตัวผมเอง และบาปของพี่น้องทุกคน
SKIP------------------------------------
สดุดี 16:8-10
“... เพราะพระองค์มิได้มอบข้าพระองค์ไว้กับแดนคนตาย (พระองค์จะไม่ให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์ประสบความเปื่อยเน่า) หรือให้ผู้จงรักภักดีของพระองค์ต้องเห็นหลุมมรณะนั้น”
SKIP-------------------------------------
บันลังก์ของพระเมสสิยาห์ เชื้อสายของกษัตริย์ดาวิดจะมั่นคงนิรันดร์ เพราะพระคริสต์ทรงเป็นขึ้นจากความตายแล้ว และทรงครอบครองอยู่นิรันดร์
[SLIDE 9]
พระคัมภีร์ ได้เปิดเผยถึง เรื่องราวแผนการของความรอด สะท้อนให้เราเห็นถึง “ความรักมั่นคง” ความสัตย์ซื่อ ที่พระเจ้าองค์บริสุทธิ์ เที่ยงธรรม มีต่อมนุษย์ เปิดเผยแล้วผ่านทางพระคริสตธรรมคัมภีร์ ตั้งแต่ปฐมกาล จนถึงวิวรณ์ การทรงสร้าง มนุษย์ล้มลงในความบาป กบฏต่อพระผู้สร้าง ผลของความบาปสี่ประการ ความตายทางร่างกาย ความตายฝ่ายจิตวิญญาณ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับสิ่งทรงสร้างเสื่อมทรามลง เพราะ เมื่อมนุษย์หันหลังให้กับพระเจ้า ปฎิเสธพระเจ้า ปลายทางของเขาคือความพินาศ และความสิ้นหวัง พระเจ้าทรงสถาปนาพันธสัญญาที่พระเจ้ามีต่อบุคคลที่พระเจ้าเลือกสรรเพื่อนำแผนการไถ่ แผนงานแห่งความรอด ต่อโนอาห์ อับราฮัม โมเสส ดาวิด จนกระทั่ง สำเร็จในพระเยซูคริสต์ พระบุตรพระเจ้าผู้ทรงเสด็จลงมาบังเกิดรับสภาพมนุษย์ ยอมถ่อมพระองค์และ เชื่อฟังจนถึงความมรณาที่ไม้กางเขน สถาปนาพันธสัญญาใหม่ “...พระคริสต์จะต้องทนทุกข์และเป็นขึ้นจากตายในวันที่สาม และเราอยู่ในยุคที่ ข่าวดีนี้ จะต้องถูก ประกาศทั่วทุกประชาชาติในพระนามของพระองค์เรื่องการกลับใจใหม่ เพื่อการยกบาป กำลังรอคอยการเสด็จกลับมาครั้งที่สอง และการทรงสร้างใหม่
นี่คือ เรื่องราว แผนการแห่งความรอด เรื่องราวของความรักระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ การไถ่ รับการให้อภัย การคือดี ความหวัง การดำเนินชีวิตให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
ประการที่หนึ่ง การเข้าใจพระคัมภีร์อย่างถูกต้อง หมายถึง ความเข้าใจแผนการความรอดของพระเจ้าคือ ข่าวประเสริฐ ในพระคริสต์อย่างถูกต้อง เป็นกรอบความคิดใหญ่ ในการอธิบายและตีความพระคัมภีร์ ทั้งเล่ม ซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจพระเจ้าอย่างถูกต้อง ศาสนศาสตร์ที่ถูกต้อง ทั้งหมดนี้ เพราะพระเยซูคริสต์เป็นผู้เปิดเผย “บรรดาถ้อยคำที่เขียนไว้ในหมวดธรรมบัญญัติของโมเสส ในหมวดผู้เผยพระวจนะ และในหมวดเพลงสดุดีที่กล่าวถึงเรานั้น จำเป็นจะต้องสำเร็จ”
“...พระคริสต์จะต้องทนทุกข์และเป็นขึ้นจากตายในวันที่สาม”
การเข้าใจ ซาบซึ้งใจใน ข่าวประเสริฐ ที่ถูกต้อง จะนำเราไปสู่ ประการที่สองครับ
[SLIDE 10]
(2) “การตอบสนอง” ที่ “ถูกต้อง” (ข้อ 47-48) “ประกาศข่าวประเสริฐ” ไปสู่บรรดาประชาชาติ
[SLIDE 11]
ลูกา 24: 47-48
“และจะต้องประกาศทั่วทุกประชาชาติในพระนามของพระองค์เรื่องการกลับใจใหม่ เพื่อการยกบาป โดยเริ่มต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม พวกท่านเองก็เป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้”
เราตอบสนอง ความรักมั่นคง ของพระเจ้า อย่างถูกต้อง ต่อ ความเข้าใจ ข่าวประเสริฐ อย่างถูกต้องในข้อที่หนึ่ง ด้วย การใช้ชีวิตของเราในการเป็นพยานถึง ข่าวประเสริฐ คือ การกลับใจใหม่ เพื่อรับการยกโทษความบาป คำว่า เป็นพยาน ในที่นี่ ศัพท์ คำนี้ เป็นคำๆเดียวกับ การยอมสละได้แม้แต่ชีวิต เพื่อยืนหยัดสิ่งที่เป็นพยาน ดังนั้น การเป็นพยาน ในที่นี้ จึงมากกว่า คำพูด แต่เป็น การเป็นพยาน ถึงข่าวประเสริฐ ด้วยชีวิต ของเราเอง ที่เป็นคำพยาน ที่มีเดินได้ คำพยานที่มีชีวิต เพื่อประกาศ ข่าวประเสริฐนี้ ไปทั่วทุกประชาชาติ
[SLIDE 12]
คริสตจักร เป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ ผ่านทาง “พันธกิจ” ของคริสตจักร ไม่ว่าจะเป็น การประกาศ อัลฟ่า การสร้างสาวก งานสังคมสงเคราะห์ เข้าสู่ชุมชน การทำพันธกิจ คือ การเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ ในชีวิตของเราแต่ละคน ข่าวดี ของการกลับใจใหม่ รับการยกโทษบาป ผ่านการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ และเป็นพยานด้วยชีวิตใหม่ที่พบในพระคริสต์ ความหวังใหม่ที่พบในการเป็นขึ้นจากความตายของพระคริสต์
พันธกิจ จึงหมายถึง การลงมือทำ พับแขนเสื้อ ลงมือลงแรง ทำงานร่วมกัน การรับใช้พระเจ้าร่วมกัน เพื่อประกาศข่าวประเสริฐ ไปสู่บรรดาประชาชาติ เริ่มต้นในที่ๆเราอยู่ (เริ่มต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม สำหรับสาวก) ในชุมชนที่เราอยู่ และมีเป้าหมายคือสุดปลายแผ่นดินโลก
แต่เดี๋ยวก่อนครับ พระเยซู บอกว่า ข้อที่ 49 ครับ ก่อนที่เราจะทำประการที่สอง พันธกิจที่ถูกต้อง ได้ นั้น เราต้องมี ความถูกต้อง ประการที่สามก่อน ครับ
[SLIDE 13]
(3) “พระวิญญาณ” ที่ “ถูกต้อง” “การเสด็จมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์” (ข้อ 49)
[SLIDE 14]
ลูกา 24: 49
“นี่แน่ะ เราจะส่งสิ่งที่พระบิดาของเราทรงสัญญานั้นลงมาเหนือท่าน แต่ท่านทั้งหลายจงคอยอยู่ในกรุง จนกว่าท่านจะสวมด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบน”
พี่น้องครับ วันเกิดของคริสตจักร คือวันเพนเทคอส วันที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมายังผู้เชื่อที่รอคอยอยู่ในห้องชั้นบน ก่อนที่บรรดาสาวก จะเริ่มต้นทำพันธกิจเพื่อประกาศข่าวประเสริฐ เราต้องการ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ดังนั้น คริสตจักร กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงเป็นของคู่กัน คริสตจักร งานพันธกิจ จำเป็นต้องมีพระวิญญาณบริสุทธิ์
คริสตจักรที่ไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็เป็นเพียงองค์กรที่จัดตั้งโดยมนุษย์ ขาดกำลัง และ แรงจูงใจที่ถูกต้อง และจะล้มเหลวในที่สุด พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นผู้ที่ประทานฤทธิ์เดช ความรักที่สำแดงออกในงานพันธกิจ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความเป็นเอกภาพ สันติสุข ความชื่นชมยินดีจากภายใน ในคริสตจักร
ในขณะเดียวกัน ยอห์น ได้เตือน ชุมชนผู้เชื่อ คริสตจักร ไว้ ให้รู้จักแยกแยะ วิญญาณที่ถูกต้อง ด้วย ความเข้าใจความจริงของข่าวประเสริฐในพระคริสต์ ที่ถูกต้อง (ในประการที่หนึ่ง) เพราะไม่ใช่ทุกวิญญาณที่มาจากพระเจ้า
[SLIDE 15]
1 ยอห์น 4: 1
“ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าเชื่อทุกๆวิญญาณ แต่จงพิสูจน์วิญญาณนั้นๆ ว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่ เพราะว่ามีผู้เผยพระวจนะเท็จจำนวนมากได้ออกมาในโลก”
Spirituality ชีวิตภายใน จิตวิญญาณ ที่มีได้รับกำลัง สดใหม่ จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ในทุกๆวัน
เป็นวินัย ฝ่ายวิญญาณ ในการเข้าเฝ้าพระเจ้าในทุกๆวัน เพื่อรับฟัง เสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ การเปิดเผย ประสบการณ์เต็มล้นในพระวิญญาณในทุกๆวัน
พี่น้องครับ ความจริง ที่ถูกต้องทั้งสามประการ จำเป็นการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ เราจำเป็นต้อง ประกอบไปด้วย ความจริง ที่ ถูกต้อง สามประการนี้ คือ มี ศาสนศาสตร์ (ความคิด ความเข้าใจในข่าวประเสริฐที่ถูกต้อง) ชีวิตภายใน พระวิญญาณที่ทำงานในหัวใจ (หัวใจ) และ งานรับใช้ การลงมือในงานพันธกิจของพระเจ้า (มือ)
[SLIDE 16]
พี่น้องครับ เราเติบโต รู้จักพระเจ้า ผ่านสามสิ่งครับ (1) ผ่าน “ศาสนศาสตร์” ที่ถูกต้อง ความเข้าใจในพระคัมภีร์ พระวจนะของพระเจ้า เป็นข้อมูลในสมองของเรา – ชั้นเรียนพระคัมภีร์ บทเรียน การอ่านและศึกษาพระคัมภีร์ ความเข้าใจในข่าวประเสริฐ (2) ผ่าน “ชีวิตภายใน” การใช้เวลากับพระเจ้า ผ่านชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ ชีวิตแห่งการอธิษฐาน ภาวนา การฟังเสียงพระเจ้า การเฝ้าเดี่ยว ทบทวนชีวิต เป็นการงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ การกลับใจ การสารภาพบาป การรับกำลังและการปลอบประโลมใจ และ ประการที่ (3) ผ่าน “งานพันธกิจ” งานรับใช้พระเจ้าจะช่วยขัดเกลาชีวิตของเรา เมื่อเราได้ลงมือทำ ในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า ในที่นี้ ผมไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้รับใช้พระเจ้าเต็มเวลาในคริสตจักรเท่านั้น แต่การปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า ในชีวิตของพี่น้องผู้เชื่อทุกๆคน ในคริสตจักร ตามการทรงเรียกของพระองค์ในชีวิตเราแต่ละคน โดยมีจุดหมายเดียวกันคือ ประกาศข่าวประเสริฐไปยังบรรดาประชาชาติ
ความจริงที่ ถูกต้อง สามประการ ในพระคัมภีร์ตอนนี้ จะมีผลกระทบต่อกันและกัน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ครับ เพราะว่า ในขณะที่เรารับใช้พระเจ้าใน งานพันธกิจ จะทำให้เรามีความเข้าใจพระคัมภีร์ที่ลึกซึ้งขึ้น และงานพันธกิจช่วยขัดเกลาชีวิตของเรา มีชีวิตภายในที่พึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในขณะเดียวกัน การศึกษาความเข้าใจพระคัมภีร์ที่มากขึ้น จะทำให้เราทำงานพันธกิจได้ตามหลักการพระคัมภีร์ได้มากขึ้น ชีวิตภายในทำให้เราได้ทบทวนงานพันธกิจ ได้ไตร่ตรอง เพื่อที่เราจะทำงานพันธกิจได้ตามน้ำพระทัยพระเจ้า ตามการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ผมอยากจะจบคำเทศนาด้วยเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เรื่องราวหนึ่ง
[SLIDE 17]
ในช่วงปี คศ 249-270 เป็นเวลากว่า 20 ปี อาณาจักรโรมันได้เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า ผู้คนล้มตายจากโรคระบาดถึง 5,000 คนต่อวัน ผู้คนล้มตายด้วยอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง ตาแดงกล่ำด้วยสีแดงเหมือนเปลวไฟ ตายด้วยความทุกข์ทรมาน ผู้คนต่างใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัว คนที่ติดเชื้อ มีอาการจากโรคระบาด ถูกสมาชิกในครอบครัวนำออกมาทิ้งไว้ที่ข้างถนน ตามท้องถนนเต็มไปด้วยซากศพของผู้คนที่ล้มตายเพราะโรคระบาด ไม่มีใครกล้าเข้าไปจัดการฝังศพให้เพราะกลัวโรคระบาด โรคระบาดเกิดขึ้นเพราะเทพเจ้าไม่พอใจ เป็นการลงโทษจากเทพเจ้า
ท่ามกลางบรรยากาศที่ปกคลุมไปด้วยความกลัว กลัวความตาย กลัวการลงโทษจากเทพเจ้า คนที่ติดเชื้อถูกทอดทิ้งให้ตายอย่างโดดเดี่ยวข้างถนน ศพที่เน่า เหม็นเต็มท้องถนนในอาณาจักรโรมัน
บิชอปซิบเปลี้ยน เทศนาบนธรรมมาส ว่าด้วยเรื่อง ความตาย ถ่ายทอดเป็นจดหมายคัดลอก เพื่อส่งต่อไปยังผู้เชื่อในเมืองต่างๆ ทั่วอาณาจักรโรมัน บิชอปซิบเปลี้ยน เทศนาสั่งสอนผู้เชื่อ ด้วยความจริงตาม พระวจนะของพระเจ้า ความจริงของข่าวประเสริฐว่า
ประการที่หนึ่ง ความตายจากโรคระบาด สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทั้งผู้เชื่อ และ ผู้ที่ไม่ได้เป็นคริสเตียน การมาเชื่อในพระเยซูคริสต์ ข่าวประเสริฐ ไม่ได้หมายความว่า จะสามารถรอดจากโรคระบาดได้ เพราะผู้เชื่อต่างอาศัยอยู่ในโลกที่เสื่อมทรามเพราะผลของความบาป โรคระบาดนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งคนที่ชอบธรรมและคนอธรรม ไม่มีข้อยกเว้น
ประการที่สอง บิชอปเทศนาว่า เราในฐานะผู้เชื่อไม่สมควรที่จะอยู่ภายใต้ความกลัว แต่เราต่างมีพันธกิจ ที่พระเยซูคริสต์ ทรงเป็นแบบอย่างและ เป็นพระมหาบัญญัติคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ดังนั้น พันธกิจรักเพื่อนบ้าน ของผู้เชื่อในเวลานั้นคือ ต่างพากันออกไปจัดการฝังศพที่ถูกทอดทิ้งอย่างถูกต้อง ไม่ปล่อยทิ้งไว้ข้างถนน ให้การดูแลผู้ติดเชื้อ จัดหาสถานที่ ยา วางมือ อธิษฐานเผื่อผู้เจ็บป่วย ไม่ปล่อยให้เผชิญความเจ็บป่วยตามลำพัง มีรายงานว่าจากการดูแลผู้เจ็บป่วยนี้ คริสเตียนที่สัตย์ซื่อจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงพรีส์และดีคอน หลายคน ต้องเสียชีวิตติดโรคระบาดไปด้วย มีบันทึกว่า เขาเหล่านั้นต่างเต็มใจที่จะสละชีวิตของตนเพื่อคนที่เจ็บป่วยเหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างสละชีวิตตนเองเพื่อรับเอาความเจ็บปวดของเรา ความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป เพราะว่า เขาเหล่านั้นมีความหวังในการเป็นขึ้นจากความตายเหมือนอย่างพระคริสต์ ความตายนำเขาไปสู่สถานที่ที่ดีกว่าในปัจจุบันเพราะเขาเหล่านั้นได้อยู่กับพระเจ้าผู้ทรงรักเขา
บิชอปซิบเปลี้ยน ได้ยกพระคัมภีร์ของอาจารย์เปาโล ใน 1 ธส 4:13 ว่า “พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านขาดความเข้าใจเรื่องคนที่ล่วงหลับไปแล้ว เพื่อท่านจะไม่เป็นทุกข์โศกเศร้า อย่างคนอื่นๆที่ไม่มีความหวัง”
ผ่าน ความเข้าใจพระคัมภีร์ ความเข้าใจในข่าวประเสริฐที่ถูกต้อง นำไปสู่การตอบสนอง ในงานพันธกิจของคริสตจักรที่ถูกต้อง โดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงเป็นกำลังให้กับบรรดาผู้เชื่อ
นักประวัติศาสตร์ชาวโรมันบันทึกว่า ในเมืองต่างๆที่มีชุมชนคริสเตียน หรือคริสตจักร อาศัยอยู่ อัตราการตายจากโรคระบาดเป็นครึ่งหนึ่งของเมืองที่ไม่มีชุมชนคริสเตียน คริสตจักร และภายหลังเมื่อโรคระบาดสิ้นสุดลง คริสตจักรเติบโตด้วยอัตราแบบก้าวกระโดด ผู้คนชาวโรมัน ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูง นักวิชาการ คนที่มีความรู้ต่างหลั่งไหลเข้ามาในคริสตจักร ต้อนรับข่าวประเสริฐ อย่างมากมาย จากผู้เชื่อในอาณาจักรโรมันเริ่มต้นไม่ถึงพันคน หลังจากพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ภายในปีคศ 300 มีจำนวนผู้เชื่อมากกว่า 6 ล้านคนหรือประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร
[SLIDE 18]
คริสตจักรที่มีความเข้าใจข่าวประเสริฐอย่างถูกต้อง มี พันธกิจที่ถูกต้อง และเต็มล้นด้วย พระวิญญาณบริสุทธิ์ จะเป็นคริสตจักรที่เติบโต และมีกำลัง ไม่ใช่เพื่อตัวคริสตจักรเอง หรือตัวผู้นำเอง แต่เพื่อที่จะทำตามพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ให้สำเร็จ อาเมนนะครับ
[SLIDE 19]
พี่น้องครับ เรากำลังเผชิญกับโรคระบาดโควิด 19 เหมือนอย่างผู้เชื่อในเวลานั้น อย่าให้เราต้องอยู่ภายใต้ความกลัว ความกระวนกระวายใจ ขาดสันติสุขครับ เราคงไม่ต้องทำเหมือนอย่างผู้เชื่อในเวลานั้น เพราะอยู่คนละบริบท แต่เราสามารถมีหัวใจเดียวกันแบบผู้เชื่อในคริสตจักรยุคแรกได้ ครับ นอกจากเราจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ปกป้องตัวเองและสมาชิกในครอบครัว ไม่ให้ต้องติดเชื้อเป็นภาระกับคุณหมอ พยาบาลที่ตอนนี้เตียงในโรงพยาบาลค่อนข้างมีจำกัดแล้ว เรายังสามารถอธิษฐานเผื่อสถานการณ์การระบาด ให้เรามีส่วนในการหยิบยื่นความช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง สนับสนุน บริจาคสิ่งของ อาหาร ให้กับโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หนุนใจสมาชิกในคริสตจักรที่อาจจะไม่ได้พบกันในช่วงนี้ ต้องนมัสการจากที่บ้าน โทรไปคุย ไลน์ไปหา หรืออาจไปเยี่ยมอย่างห่างๆ ปลอดภัย สำหรับ สมาชิกที่ต้องการความช่วยเหลือก็สามารถติดต่อคริสตจักร เพื่อรับความช่วยเหลือที่จำเป็น เพราะเป็นพันธกิจของคริสตจักร รักเพื่อนบ้าน อามเมนนะครับ
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
พระบิดาผู้ทรงเมตตา ลูกขอบคุณพระเจ้าสำหรับแผนการแห่งความรอด การกลับใจใหม่ และการยกบาป ที่สำเร็จแล้วในองค์พระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์ ทรงทรมาน สิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนม์ ไม่ตายอีกในวันที่สาม สำแดงความจริงว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า ลูกขอบคุณสำหรับ พระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของลูก ผู้ทรงประทานกำลัง ส่องสว่างให้ลูกเข้าความลึกซึ้งของข่าวประเสริฐ เข้าใจพระวจนะอันทรงชีวิตของพระองค์ เพื่อที่ชีวิตลูกจะใช้การได้ ทำการดี มีส่วนในงานพันธกิจของพระองค์ ในการประกาศข่าวประเสริฐ ของการกลับใจใหม่และการยกโทษบาป การคืนดี กับพระองค์ ขอพระองค์ทรงประทานความเข้าใจในพระคำของพระองค์ ประทานใจที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และประทานมือ ที่พร้อมจะลงมือทำเพื่อประกาศข่าวประเสริฐ มีส่วนในงานพันธกิจ เพื่อมีชีวิตที่เป็นพยานถึงข่าวดีนี้ จนสุดปลายแผ่นดินโลก ลูกอธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน