ดำเนินชีวิตในความสว่าง
Notes
Transcript
Word Count 3,975 ; Time 33 minutes
พระเจ้าสถิตกับท่าน [และสถิตกับท่านด้วย]
พี่น้องครับ วันอาทิตย์นี้เราเริ่มต้นซีรี่ส์คำเทศนาใหม่ครับ “เดินในความสว่าง” จากจดหมายฝาก 1 ยอห์น และ ยูดา คำเทศนาในซีรี่ส์นี้จะมีทั้งหมด 8 สัปดาห์ครับ
“ดำเนินชีวิตในความสว่าง” ยอห์นมักจะใช้สัญลักษณ์ในการอธิบายความจริงของพระเจ้า การสื่อสารเปรียบเทียบในเชิงสัญลักษณ์ เพื่ออธิบายความจริงของพระเจ้า ในจดหมายฝาก 1 ยอห์น ที่ผมกำลังเทศนานี้ ยอห์น ใช้สัญลักษณ์ในการอธิบายสิ่งที่ท่านจะสอน คือ ความสว่างและ ความมืด
พี่น้องครับ เวลาอัครทูตยอห์น บอกให้เรา ในฐานะผู้เชื่อ เดินในความสว่าง หรือ “ดำเนินชีวิตในความสว่าง” มีส่วนสามัคคีธรรมกับพระเยซู กับบรรดาอัครทูตและ กับพี่น้องผู้เชื่อ ก็หมายความว่า มีอีกสิ่งหนึ่งที่ตรงกันข้าม คือ อาจจะมีบางคนที่คิดว่าตัวเองเป็น ผู้เชื่อ อยู่ในชุมชน อาจจะอยู่ในคริสตจักรในเวลานั้นและกำลังแยกตัวออกไป ที่ยอห์นกำลังบอกว่า พวกเขากำลัง “ดำเนินชีวิตอยู่ในความมืด” ซึ่งก็มีความหมายเป็นนัยะะว่า ไม่ได้มีส่วนสามัคคีธรรมกับพระเยซู บรรดาอัครทูตและ กับพี่น้องผู้เชื่อ
คำถามที่ผมอยากจะถามพี่น้องในเช้า / บ่ายวันนี้คือ วันนี้ พี่น้อง ดำเนินชีวิตอยู่ในความสว่าง หรือ ความมืดครับ ? เราเคยถามตัวเองมั้ยครับ ให้เราลองเช็คตัวเองกับพระวจนะคำพระเจ้าใน เช้า / บ่ายวันนี้ด้วยกันครับ
การดำเนินชีวิตในความสว่าง หมายถึงอะไรครับ เวลาผมกลับบ้าน หรือเวลาที่ผมอยู่บ้าน ผมชอบที่จะเปิดไฟสว่างทั้งบ้าน แม้ในที่ๆผมไม่ได้นั่งอยู่นะครับ ถ้าผมนั่งในห้องนั่งเล่น ผมก็จะเปิดไฟสว่างทั้งแต่ทางเข้า พื้นที่ครัว โต๊ะกินข้าว ผมชอบอยู่ในที่ๆมีแสงสว่าง แต่ขณะเดียวกัน ภรรยาผม เธอก็จะมีหน้าที่ค่อยเดินตาม ปิดไฟที่ไม่จำเป็น ที่ผมเปิดทิ้งไว้ เพราะเธอจะบอกว่ามันเปลืองค่าไฟ มีใครเป็นแบบผมบ้างมั้ยครับ
ผมคิดว่า ยอห์น พูดถึง ดำเนินชีวิตในความสว่าง คงไม่ใช่สิ่งที่ผมทำที่บ้านนะครับ เปิดไฟรอบบ้าน
การดำเนินชีวิตในความสว่าง หมายถึงอะไร ครับ ถ้าพูดถึงความสว่าง แน่นอน เราก็ต้องนึกถึง พระเจ้า ในข้อที่ 5 ยอห์นกล่าวว่า “...พระเจ้าทรงเป็นความสว่างและความมืดในพระองค์ไม่มีเลย”
ความสว่าง ที่ยอห์นกำลังกล่าวถึง จึงเป็นสัญลักษณ์แทน ชีวิต ความหวัง ความดีงาม ความบริสุทธิ์ ปราศจากความบาป ความรัก สง่าราศี เพราะ “พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง”
ดังนั้น ความมืด จึงหมายถึง สิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับความสว่าง ความมืด จึงเป็นสัญลักษณ์แทน ความตาย ความสิ้นหวัง ความบาปผิด ความชั่วร้าย การเกลียดชัง ความมืดมน ขาดสง่าราศี
ดังนั้น การดำเนินชีวิตในความสว่าง คือ การดำเนินชีวิตกับพระเจ้า
การเดินไปกับพระเยซูคริสต์ในชีวิตของเรา
“เราเป็นความสว่างของโลก คนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต” ยอห์น 8:12
การมีสามัคคีธรรมกับพระเจ้า ผ่านทางพระคริสต์ ยอห์นได้ขยายความในข้อ 3 ด้วยว่า “สิ่งที่เราได้เห็นและได้ยินนั้น เราก็ประกาศให้พวกท่านรู้ด้วย เพื่อท่านจะได้มีสามัคคีธรรมกับเรา และเราก็มีสามัคคีธรรมกับพระบิดา และ กับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์”
ยอห์นบอกว่า การที่เรากำลัง ดำเนินชีวิตในความสว่าง คือ การดำเนินชีวิตกับพระเจ้าได้นั้น เพราะ ผ่านการประกาศและคำสอนของ ยอห์นและบรรดาอัครทูตทั้งหมด เพื่อท่านจะได้มีสามัคคีธรรมกับเรา เราในที่นี้ เป็นคำพหูพจน์ ยอห์นกำลังพูดถึง การประกาศจากบรรดาอัครทูต ที่เป็นประจักษ์พยาน การสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขน การเป็นขึ้นขึ้นจากความตาย การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ของพระเยซูคริสต์ และประจักษ์พยานการเสด็จมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันเพนเทคอส และความจริงนี้ ก็นำมาสู่ ข้อที่หนึ่งครับ ของ การดำเนินชีวิตในความสว่าง ประการที่ 1 ครับ ดำเนินชีวิต โดยมี
(1) หลักข้อเชื่อที่ถูกต้อง (Right Belief)
ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระเจ้า โดยเฉพาะ พระบุตรพระเจ้า พระเยซูคริสต์
พบในข้อที่ 1 และข้อที่ 2
“1เราขอแจ้งเกี่ยวกับสิ่งที่มีมาตั้งแต่ปฐมกาล ซึ่งเราได้ยิน ได้เห็นกับตา ได้พินิจดู และจับต้องด้วยมือของเรานั้น คือ พระวาทะแห่งชีวิต 2(และชีวิตที่ว่านี้ปรากฏขึ้น เราได้เห็นและเป็นพยาน และประกาศชีวิตนิรันดร์นี้กับพวกท่าน เป็นชีวิตที่ดำรงอยู่กับพระบิดาและมาปรากฏแก่เรา)”
คริสตจักรของพระเยซูคริสต์ ถูกสร้างขึ้นบนคำสอน หลักข้อเชื่อ ที่ถูกปูพื้นฐาน วางรากฐานอยู่บน คำสอนของบรรดาอัครทูต มีองค์พระเยซูคริสต์ เป็นศิลามุมเอก
พี่น้องครับ อัครทูตยอห์นที่เขียนจดหมายฝากฉบับนี้ เป็นคนละคนกับ ยอห์นผู้ให้บัพติสมา พระเยซูคริสต์ ที่ตอนหลังถูกจับติดคุก และ ตัดศีรษะโดยคำสั่งของกษัตริย์เฮโรด นะครับ อัครทูตยอห์นคนนี้ เป็นหนึ่งในสาวกสิบสองคน ของพระเยซูคริสต์ จดหมายฝากฉบับนี้น่าจะเขียนขึ้นประมาณปี คศ 90 จากคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส ปัจจุบันอยู่ในประเทศตุรกี
ผ่านไปแล้วมากกว่า 50 ปี จากคำสอนของอัครทูตที่ได้วางรากฐานไว้ คริสตจักรเหล่านี้เริ่มเป็นผู้เชื่อในรุ่นที่สองครับ ส่งต่อความเชื่อ หลักข้อเชื่อไปยังคนรุ่นที่สองของคริสตจักร ขณะที่เขียนจดหมายฝากฉบับนี้ อัครทูตยอห์น น่าจะอายุมากแล้ว มากกว่า 80 ปี และน่าจะเป็นอัครทูตคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่คนสุดท้าย เปโตร เสียชีวิตไปแล้วหลายสิบปีที่โรม
จดหมายฝากฉบับนี้ของอัครทูตยอห์น มีจุดมุ่งหมายหลักอยู่ สองประการคือ (1) เพื่อหนุนใจให้ผู้เชื่อมีชีวิตอยู่ในสามัคคีธรรมกับพระเจ้าและกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ และ (2) เพื่อเตือนพวกเขาไม่ให้หลงไปตามคำสอนเท็จที่จะทำลายสามัคคีธรรมนี้ ซึ่งยอห์น ใช้ภาพเปรียบเทียบ ว่าเป็น ความสว่างและ ความมืด บัดนี้คริสตจักรในรุ่นที่สอง เริ่มมีคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากคำสอนของอัครทูต เขานำปรัชญากรีกเข้ามาผสมกับพระกิตติคุณ ความสมบูรณ์แบบไม่มีจริงในสิ่งที่เป็นกายภาพ พระเจ้าที่เป็นความสมบูรณ์จึงไม่สามารถมารับสภาพเนื้อหนังของมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ได้ ดังนั้น ปฎิเสธการเสด็จมารับสภาพมนุษย์ของพระเยซูคริสต์ พระบุตรพระเจ้า พวกเขาสอนว่า พระเจ้าตายไม่ได้
ในข้อที่ 1 และ 2 ยอห์น อัครทูตคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นประจักษ์พยาน การเสด็จมาบังเกิดของพระเยซูคริสต์ หรือ “Incarnation” จึง กล่าวจั้วหัว ตั้งแต่เริ่มต้นจดหมายฝากเลยครับ ว่า
“1เราขอแจ้งเกี่ยวกับสิ่งที่มีมาตั้งแต่ปฐมกาล ซึ่งเราได้ยิน ได้เห็นกับตา ได้พินิจดู และจับต้องด้วยมือของเรานั้น คือ พระวาทะแห่งชีวิต 2(และชีวิตที่ว่านี้ปรากฏขึ้น เราได้เห็นและเป็นพยาน และประกาศชีวิตนิรันดร์นี้กับพวกท่าน เป็นชีวิตที่ดำรงอยู่กับพระบิดาและมาปรากฏแก่เรา)”
พี่น้องครับ ถ้าพระเยซูคริสต์ไม่ได้เสด็จมาบังเกิด รับสภาพมนุษย์ ร้อยเปอร์เซ็นต์ และ พระเยซูคริสต์ไม่ได้เป็นพระเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ในเวลาเดียวกัน ก็จะไม่มีการสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขน ดังนั้นก็จะไม่มีการไถ่บาป และการยกโทษความผิดบาปของเราที่ไม้กางเขน
และเมื่อไม่มีการสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขน ก็จะไม่มีการเป็นขึ้นจากความตาย ความหวังของเราในพระคริสต์ก็พังทลาย เพราะไม่เคยมีอยู่จริง
อาจารย์เปาโล กล่าวว่าใน 1โครินธ์ 15:19 “ถ้าไม่มีการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ เราก็เป็นพวกที่น่าสมเพชที่สุดของคนทั้งหมด”
1 โครินธ์ 15: 14 – 15
“ถ้าพระเจ้าไม่ได้ทรงให้พระคริสต์คืนพระชนม์ คำเทศนาของเราก็เปล่าประโยชน์ และความเชื่อของท่านก็สูญเปล่า ยิ่งไปกว่านั้นกลายเป็นว่า เราเป็นพยานเท็จเรื่องพระเจ้า เพราะเราเป็นพยานว่าพระเจ้าทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตาย...”
อัครทูตคนสุดท้าย ในวัยที่ชรามากแล้ว ยังคงยืนยันอย่างหนักแน่น ในคำพยานของท่าน
“...ซึ่งเราได้ยิน ได้เห็นกับตา ได้พินิจดู และจับต้องด้วยมือของเรานั้น คือ พระวาทะแห่งชีวิต 2(และชีวิตที่ว่านี้ปรากฏขึ้น เราได้เห็นและเป็นพยาน และประกาศชีวิตนิรันดร์นี้กับพวกท่าน เป็นชีวิตที่ดำรงอยู่กับพระบิดาและมาปรากฏแก่เรา...”
ในบทที่ 2 ข้อที่ 2 ยอห์นกล่าวยืนยันเพิ่มเติมการไถ่ที่ไม้กางเขน ว่า “...พระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาลบบาปของเรา และไม่ใช่แค่บาปของเราเท่านั้น แต่ของทั้งโลกด้วย”
แล้วความเชื่อที่ถูกต้องมีผลอย่างไรในชีวิตของเราครับพี่น้อง
แน่นอนครับ เราดำเนินชีวิตของเรา ตามสิ่งที่เราเชื่อ ครับ
ยอห์นบอกว่า พี่น้องที่มีความเชื่อเช่นนี้ ก็สามัคคีธรรมกับพวกท่าน (หมายถึงบรรดาอัครทูต) สามัคคีธรรมกับพระบิดา และกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์
ผู้ที่มีความเชื่อ หลักข้อเชื่อที่ถูกต้อง นี้ จะดำเนินชีวิตด้วยความหวัง ความหวังที่อยู่ในการไถ่ที่ไม้กางเขนและการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูคริสต์
เหมือนกับ กำลัง ดำเนินชีวิตอยู่ในความสว่าง ครับ เดินอยู่ในความสว่าง
เมื่อความสว่าง เป็นตัวแทน ของ ความหวังใจ ความชื่มยินดี ในพระเยซูคริสต์
พี่น้อง เราไม่จำเป็นต้อง ดำเนินชีวิตอยู่ในความมืด อีกต่อไป เพราะความหวังของเราอยู่ในพระคริสต์
ผ่านทางไม้กางเขน เรากลับใจจากความบาป รับการคืนดีกับพระเจ้า ต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตของเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิต ประทับอยู่กับเรา เราจึงไม่หมดหวัง ครับ ไม่ว่า สถานการณ์ในตอนนี้ของเราจะหนักหนาสาหัสเพียงใดก็ตาม ไม่ว่าพายุจะแรงขนาดไหน เรายังคงไม่สิ้นหวัง เพราะว่า มีพระเยซูประทับอยู่เรือกับเรา อาเมนมั้ยครับ
เราไม่จำเป็นต้องดำเนินชีวิตอยู่ในความมืด อีกต่อไป เพราะพระคริสต์ทรงเป็นองค์ความสว่างในชีวิตของเรา ทรงเป็นความหวังใจของเรา ความหวังของเราไม่ได้อยู่ที่รถรบ รถม้า แต่อยู่ในพระเจ้าผู้ทรงสถิตอยู่ภายในเรา
พี่น้องที่กำลังหมดหวัง ท้อแท้ หมดกำลังใจในเวลานี้ พระเยซูคริสต์ทรงช่วยท่านได้ครับ เพราะพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ ทรงเสด็จมาเพื่อนำความหวังให้กับคนที่สิ้นหวัง ส่งนำความช่วยเหลือมายังผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ ทรงนำการปลอบประโลมใจ มายังคนที่ทุกข์ใจ ขอเพียงแต่เรา คุกเข่าลง อธิษฐานแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์ครับ อาเมนนะครับ
ประการที่หนึ่งนะครับ การดำเนินชีวิตในความสว่าง หมายถึง ดำเนินชีวิต โดยมี
(1) หลักข้อเชื่อที่ถูกต้อง (Right Belief) ครับ
ประการที่สอง ครับ การดำเนินชีวิตในความสว่าง หมายถึง
(2) ดำเนินชีวิตในความชอบธรรม (Righteousness)
1ยอห์น 2:3-4
“3ถ้าเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ เราจะมั่นใจได้ว่าเรารู้จักพระองค์ 4ผู้ที่กล่าวว่า ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ แต่ไม่ได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ คนนั้นเป็นคนมุสา และสัจจะไม่ได้อยู่ในเขาเลย”
ความสว่าง หมายถึง ความบริสุทธิ์ ความชอบธรรม
การดำเนินชีวิตในความสว่าง จึงหมายถึง การดำเนินชีวิตอยู่ในความชอบธรรม ตั้งใจที่จะประพฤติตามพระบัญญัติของพระเจ้า เชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์
การดำเนินชีวิตในความสว่าง ไม่ได้หมายความว่า เรามีชีวิตที่ปราศจากบาปแล้วนะครับ แต่หมายความว่า เราตั้งใจที่จะระมัดระวังกระทำตาม เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า และ จะกลับใจใหม่ทันที เมื่อเราเห็นความบาปในชีวิตของเรา เมื่อพระวิญญาณเปิดเผยในจิตใจเรา เมื่อพระวิญญาณเตือนเราด้วยความถ่อมสุภาพ
ถ้าเราอยู่ในความสว่าง จะไม่มีที่มืด มุมมืดในชีวิตของเรา ที่จะซุกซ่อนความบาปไว้ได้ สนุกสนานกับความบาป เพราะความสว่างจะเปิดเผยทุกสิ่ง ให้เราเห็น พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเปิดเผย ความบาปในชีวิตของเราให้เราเห็น เพื่อที่เราจะกลับใจใหม่ เข้ามาสารภาพความผิดบาปต่อพระองค์ รับการยกโทษ และชำระชีวิตให้บริสุทธิ์ นี้คือ ความหมาย ของการดำเนินชีวิตในความสว่าง
ในข้อ 8-9 “8ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเองและสัจจะไม่ได้อยู่ในตัวเราเลย 9ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น”
การดำเนินชีวิตในความสว่าง จึงหมายถึง การดำเนินชีวิตอยู่ในกระบวนการชำระให้บริสุทธิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยเรา เปิดเผยความบาป นำเราสู่การกลับใจใหม่ รับการยกโทษที่สำเร็จแล้วโดยการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์ที่ไม้กางเขน ในข้อที่ 1 ความเชื่อที่ถูกต้อง และทรง ประทานกำลังให้เรามีชัยชนะเหนือความบาป
คนที่ยังดำเนินชีวิตอยู่ในความมืด เขามองไม่เห็นความบาปของเขา เขายังพึงพอใจอยู่กับชีวิตบาปของเขา ความบาปสัญญาที่จะหยิบยื่นความพึงพอใจชั่วครั้งชั่วคราวให้กับเขา หารู้ไม่ว่า เขากำลังค่อยๆ ถล่ำลึกไปเรื่อยๆ จนเสพติดความบาป ถอดตัวไม่ขึ้น ตกเป็นทาสของความบาป ซึ่งในที่สุด จะนำมาซึ่งความพินาศ ชีวิตที่ตกต่ำ และความทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส
คนที่เสพติดความบาป ไม่ว่าจะเป็น ความเห่อหยิ่ง การล่วงประเวณี ความผิดบาปทางเพศ การเสพติดสื่อลามกทางมือถือ สิ่งเสพติด เสพติดการพนัน ติดเหล้า ล้วนตกเป็นทาสของความบาปและ กำลังดำเนินชีวิตอยู่ในความมืด นำมาสู่ความทุกข์และความพินาศ สุขภาพถดถอย ความสัมพันธ์ในครอบครัวแตกแยก การหย่าร้าง ความรุนแรงในครอบครัว การเกลียดชังพี่น้อง นำไปสู่ความหมดหวัง สิ้นหวัง ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ชีวิตที่ไร้ค่า ไม่มีความหมาย นี่คือผลของการดำเนินชีวิตในความมืด ชีวิตที่ไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ ปราศจากกำลัง และความหวัง
สำหรับพี่น้อง หรือใครก็ตามที่ยังคง ดำเนินชีวิตในความมืด ดำเนินชีวิตอยู่ในความบาปครับ และได้ยินข้อความนี้ เช้า / บ่ายวันนี้ พี่น้อง หรือ คนๆนั้น ยังคงมีความหวังนะครับ
พระเยซูคริสต์ ทรงเห็นคุณค่าท่านนะครับ พระองค์ปรารถนาที่จะให้ท่านได้เริ่มต้นใหม่ วันนี้ เดี๋ยวนี้ครับ ไม่มีฤทธิ์อำนาจใดที่จะปลดปล่อยท่านจากพันธนาการของความบาปได้ นอกจากพระเยซูคริสต์ครับ
เช้า/บ่ายนี้ พระองค์ปรารถนาจะปลดปล่อยท่านครับ จากการตกเป็นทาสความบาป สิ่งเสพติด เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เลิกเล่นหวย การพนัน สื่อลามกทางอินเตอร์เน็ต ความเกลียดชัง ไม่สามารถให้ยกโทษ ให้อภัยได้ พระองค์ทรงสัญญาที่พี่น้องสามารถกลับมาเดินได้ในความชอบธรรม ให้เราเข้ามาสารภาพกับพระเจ้า และรับการยกโทษและรับการให้อภัยที่พบแล้วในพระคริสต์ครับ ชีวิตของเราสามารถเป็นไทได้จากพันธการเหล่านี้ครับ อาเมนนะครับ
“8ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเองและสัจจะไม่ได้อยู่ในตัวเราเลย 9ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น”
ผมอยากจะอธิษฐานเผื่อท่านนะครับ ในช่วงท้ายของคำเทศนา
ผ่านไปแล้วสองข้อนะครับ ดำเนินชีวิตในความสว่าง หมายถึง ประการที่หนึ่ง เริ่มต้นที่ มีความเชื่อที่ถูกต้อง มีหลักข้อเชื่อที่ถูกต้อง – การเสด็จมาบังเกิดรับสภาพมนุษย์ของพระเยซูคริสต์ พระบุตรพระเจ้า ผู้ทรงรับสภาพมนุษย์ร้อยเปอร์เซ้นต์และ เป็นพระเจ้าร้อยเปอร์เซ้นต์ สิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขน นำการไถ่จากบาป สามวันทรงเป็นขึ้นจากความตาย มีชัยชนะเหนือความบาปและความตาย เพื่อที่เราจะมีความหวังใจในพระองค์
ประการที่สอง ดำเนินชีวิตในความชอบธรรม ปรารถนาที่จะประพฤติตามพระวจนะของพระเจ้า
การดำเนินชีวิตในความสว่าง ไม่ได้หมายความว่า เรามีชีวิตที่ปราศจากบาปแล้วนะครับ แต่หมายความว่า เราตั้งใจที่จะระมัดระวังกระทำตาม เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า และ จะกลับใจใหม่ทันที เมื่อเราเห็นความบาปในชีวิตของเรา เมื่อพระวิญญาณเปิดเผยในจิตใจเรา เมื่อพระวิญญาณเตือนเราด้วยความถ่อมสุภาพ
พี่น้องครับ ถ้าการดำเนินชีวิตในความสว่างมีเพียงสองข้อนี้ อันตรายมากนะครับ เพราะเราอาจจะมีแนวโน้มที่จะกลายเป็น ฟารีสี ตัวน้อย ๆ ที่เดินอยู่ในคริสตจักร หากปราศจาก ประการที่สามครับ
การดำเนินชีวิตในความสว่างหมายถึง
(3) ดำเนินชีวิตในความรัก
1 ยอห์น 2:5 “แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระวจนะของพระองค์ ความรักของพระเจ้าก็บริบูรณ์อยู่ในผู้นั้นอย่างแท้จริง...”
ข้อ 9 “9ผู้ที่กล่าวว่าตนอยู่ในความสว่าง ขณะที่ยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็ยังอยู่ในความมืด 10ผู้ที่รักพี่น้องของตนก็อยู่ในความสว่าง...”
อัครทูตยอห์น ได้รับฉายาว่า เป็น อัครทูตแห่งความรัก ในตอนท้ายๆชีวิตของท่าน เมื่อท่านชรามากแล้ว ท่านจะผล่ำสอน ให้ พี่น้องในคริสตจักรว่า “ลูกเอ๋ย จงรักซึ่งกันและกัน”
ยอห์นสอนว่า ผู้ที่รักพี่น้องของตนก็อยู่ในความสว่าง ผู้ที่เกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็ยังอยู่ในความมืด
พี่น้องครับ ผู้ที่ดำเนินชีวิตในความสว่าง คือ ผู้ที่ทำทุกสิ่งด้วยความรัก พระมหาบัญญัติของพระเยซูคริสต์ คือบัญญัติรัก รักพระเจ้าสุดๆ รักเพื่อนบ้านจริงๆ เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก
เราได้รับความรักจากพระเจ้าก่อน เพื่อที่เราจะสามารถรักผู้อื่นได้
ถ้าความสัมพันธ์เราถูกต้องกับพระเจ้า รักพระเจ้า เราจะสามารถอดทนรักคนที่ไม่น่ารักได้
ใน 1ยอห์น 4: 20 “ถ้าใครกล่าวว่า ข้าพเจ้ารักพระเจ้า แต่ใจยังเกลียดชังพี่น้องของตน เขาเป็นคนพูดมุสา เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่มองเห็นแล้ว จะรักพระเจ้าที่มองไม่เห็นไม่ได้ 21พระบัญญัตินี้เราได้มาจากพระองค์ (คือพระเยซูคริสต์) คือให้คนที่รักพระเจ้านั้นรักพี่น้องของตนด้วย”
ความรักพี่น้องที่สำแดงออกเป็นการกระทำ ผ่านคำพูด ผ่านการสัมผัส การอยู่ด้วยในเวลาที่เขาต้องการ การให้เวลา การอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกัน การให้ความช่วยหลือที่เขาต้องการ ผ่านคำพูดที่หนุนใจ ให้กำลังใจ การให้สิ่งของ ของขวัญที่มีความหมาย
พี่น้องครับ หากปราศจากความรักซึ่งกันและกัน เราอาจจะมี หลักข้อเชื่อที่ถูกต้อง พยายามดำเนินชีวิตในความชอบธรรม ระมัดระวังที่จะกระทำตามพระบัญญัติ ดำเนินชีวิตอยู่ในความชอบธรรม ความบริสุทธิ์
พี่น้องครับ ฟารีสี เป็นแบบนี้ครับ เขาคิดว่าเขามีทั้งสองข้อ แต่หากปราศจาก ความรักเราก็จะมีแนวโน้มที่จะตัดสินพี่น้องอย่างง่ายๆ ไม่มีใครดำเนินชีวิตได้ดีเท่าเราอีกแล้ว ทุกคนด้อยกว่าเรา ไม่มีใคร มีความเข้าใจพระเจ้า พระคัมภีร์ได้ดีกว่าเรา ไม่มีใครดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมเหมือนอย่างเรา เราจะกลายเป็นฟารีสี ที่เดินอยู่ในคริสตจักร และทำคนบาดเจ็บมากมายด้วยคำพูดของเรา ด้วยการกระทำของเรา
ยอห์นบอกว่า หากเราเป็นอย่างนั้น เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่ในความมืด ครับ ให้เรากลับใจใหม่ครับ กลับไปข้อที่สอง ครับ สารภาพบาปกับพระเจ้า
มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นครับ ที่จะประทานความรักให้กับเราได้ เพราะพระองค์ทรงเป็นความรัก ให้เราเข้าหาพระองค์ รับความรักจากพระเจ้า เพื่อที่เราจะรักพี่น้อง และอดทนกับพี่น้องที่ไม่น่ารักได้
พี่น้องครับ เรามีชีวิตส่วนตัวกับพระเจ้าครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ครับ เวลาคุณภาพที่เราเข้ามาแสวงหาการทรงสถิตของพระเจ้า ชีวิตภายในที่หยั่งรากลึกในพระเจ้า มีความสำคัญมากครับ เพื่อที่เราจะรับความรัก กำลังจากพระเจ้าที่จะสามารถ อดทน ให้อภัย พี่น้องที่ไม่น่ารักได้ ถ้าเราพึ่งพาเพียงกำลังของเรา เราจะล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าครับ
ดำเนินชีวิตในความสว่าง คือ การดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ หลักข้อเชื่อที่ถูกต้อง ดำเนินชีวิตในความชอบธรรม ระมัดระวังที่จะกระทำตามพระวจนะคำของพระเจ้า และประการสุดท้ายครับ สำคัญมาก คือ ดำเนินชีวิตในความรัก ความรักจะผสานทุกสิ่งไว้ รักคนที่ไม่น่ารัก อาเมนนะครับ
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐานครับ
สาธุการพระบิดา ขอบคุณพระองค์สำหรับพระคำของพระเจ้าในเช้า / บ่ายวันนี้ ที่ลูกจะไม่เป็นเพียงผู้ฟัง แต่นำพระคำของพระองค์ไปใช้ในชีวิตของลูก ขอบคุณพระเจ้าที่สอนลูกให้ดำเนินชีวิตอยู่ในความสว่าง ลูกขอเข้ามารับความรักจากพระองค์ เพื่อที่ลูกจะสามารถรักผู้อื่นได้ รักคนที่ไม่น่ารักได้
ลูกขออธิษฐานเผื่อพี่น้องที่นี่ที่ยังคงติดกับ พันธนาการของความบาป สิ่งเสพติด สื่อลามก ความผิดบาปทางเพศ ติดเหล้า ติดการพนัน ติดบุหรี่ ขอทรงประทานกำลังให้กับพี่น้องเหล่านี้ที่กำลังอธิษฐานอยู่ในเวลานี้ ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า ขอการปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากการตกเป็นทาสของสิ่งเหล่านี้ ให้วันนี้เป็นการเริ่มต้นใหม่ ขอพระวิญญาณประทานกำลัง มีชัยชนะเหนือนิสัยบาป เพื่อจะดำเนินชีวิตในความสว่าง เป็นลูกของความสว่าง ขอการปลดปล่อยนี้กลายเป็นคำพยานถึงฤทธิ์อำนาจ ความรักของพระองค์จากพี่น้องเหล่านี้ ลูกขอบคุณพระองค์ อธิษฐานทั้งหมดนี้ ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน