Satan and Suffering

Sermon  •  Submitted   •  36:56
0 ratings
· 87 views
Files
Notes
Transcript
“ฉันจะต่อต้านมารซาตานและสิ่งชั่วร้ายอย่างไร?”
คริสตจักรแองลิกัน ลาดกระบัง/ ไคร้สตเชิช กรุงเทพ
วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม 2021
วิวรณ์ 12: 7-12
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Word Count 4,829; Time 40 minutes
[Slide 1]
พระเจ้าสถิตกับท่าน [และสถิตกับท่านด้วย]
ขอบคุณพระเจ้านะครับ เช้าวันนี้ / บ่ายวันนี้ ผมได้มีโอกาสมาตีแผ่ความจริงเกี่ยวกับ มาร ซาตาน ผีวิญญาณชั่ว ไม่ใช่เพื่อให้เรากลัวนะครับ แต่เพื่อให้เรามั่นใจในชัยชนะเหนือผีมารซาตาน วิญญาณชั่วที่พบแล้วในพระเยซูคริสต์
ครั้งนึงมีคนมีปัญญาคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า “มีความเข้าใจผิด สุดขั้วที่ตรงกันข้ามเกี่ยวกับมาร ซาตาน ความเข้าใจผิดขั้วหนึ่งคือ คนที่ไม่เชื่อว่ามารซาตาน ผีวิญญาณชั่วมีอยู่จริง และอีกขั้วหนึ่งที่อยู่ตรงกันข้ามคือ กลุ่มคนที่เชื่อว่ามารซาตาน ผีวิญญาณชั่วมีอยู่จริงและหมกหมุ่นและให้น้ำหนักกับมันมากเกินไป และมารซาตานก็พอใจอย่างมาก กับคนสุดขั้วสองกลุ่มนี้”
พี่น้องครับ บางทีเราที่เป็นผู้เชื่อ ก็อาจจะกำลังดำเนินชีวิตของเราแบบคนสองกลุ่มนี้อยู่ครับ
เราอาจจะดำเนินชีวิตราวกับว่า มารซาตานไม่มีจริง ทำให้เราอาจจะดำเนินชีวิตอย่างไม่ระมัดระวัง กำดักของมารซาตานเลย ละเลย ไม่สนใจ เชื่อว่าพวกมันไม่มีอยู่จริง ทำให้หลายครั้ง เราตกไปในกำดักที่มารซาตานวางไว้ ซึ่งเดี๋ยวผมจะขยายความในคำเทศนานะครับ กำดักของมาร ซาตาน ทำให้ชีวิตคริสเตียนของเราไม่ไปไหน ถ้าไม่ตาย คือละทิ้งพระเจ้าไป ก็ไม่โต เป็นคริสเตียนที่ไม่เติบโต ชีวิตมีแต่ปัญหา เสียเวลาชีวิตวนเวียนอยู่กับปัญหาในชีวิต เหมือนลิงแก้แห ไปต่อไม่ได้ แบบนี้มารชอบครับ เพราะว่า ไม่ได้ขยายอาณาจักรพระเจ้าเลย มารมีความสุขครับ ปล่อยให้เรามัวแต่สาละวน เสียเวลาอยู่กับกำดักที่มันวางไว้
กลุ่มที่สอง อีกขั้วครับ คือให้น้ำหนัก ให้ความสำคัญกับมาร ซาตานจนเกินพอดี ให้อำนาจกับมารซาตานจนเกินไป ทำให้การดำเนินชีวิตหลายครั้งเต็มไปด้วยความหวาดระแวง หวาดวิตก ขาดสันติสุขไปเลยก็มี จนบางครั้งถูก มองว่างมงาย หมกหมุ่น เกินความพอดี สิ่งนี้ก็ไม่ได้ถวายเกียรติพระเจ้าเช่นกัน กลุ่มนี้มารก็ชอบนะครับ มันชอบที่เห็นคริสเตียน ที่ควรจะมีสันติสุขในพระเจ้า กลับต้องดำเนินชีวิตด้วยความหวาดระแวง ขาดสันติสุข กลัวไปหมด เพราะให้พื้นที่กับมันมากเกินไป
พระคัมภีร์ใน เช้า / บ่ายวันนี้ช่วยเราให้เราเข้าใจมากยิ่งขึ้นครับ เกี่ยวกับมารซาตาน และ การตอบสนองของเรา
[Slide 2]
แต่ก่อนอื่น ผมอยากจะพูดถึง ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับมาร ซาตาน และผีวิญญาณชั่วก่อนนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เชื่อใหม่ในบริบทของคนไทย ที่อยู่ในความเชื่อที่เราเติบโตขึ้นมา หรือละคร นวนิยาย หรือ สื่อต่างๆมากมายในปัจจุบัน ที่อยู่รอบตัวเรา
[Slide 3]
ความเข้าใจผิดประการที่หนึ่ง : ผี วิญญาณชั่วต่างๆ คือ วิญญาณของคนที่ตายแล้ว
มีหลายคนเชื่อว่าผีเหล่านี้เป็นวิญญาณของคนตาย ที่ยังวนเวียนอยู่ ยังไม่ไปเกิดใหม่ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ตัวอย่างจากเรื่องเล่า ตำนาน ที่กลายมาเป็นภาพยนตร์ ละคร เช่น ผีแม่นากพระโขนง เป็นต้น
ในข้อที่ 7-8 และข้อที่ 12
“ขณะนั้นเกิดสงครามขึ้นในสวรรค์ มีคาเอล กับบรรดาทูตสวรรค์ของท่านต่อสู้กับพญานาค (สัญลักษณ์หมายถึงมารซาตาน ในข้อก่อนหน้านี้ได้บรรยายลักษณะงูใหญ่โบราณว่า มีเจ็ดหัว แต่ละหัวสวมมงกุฎ และงูใหญ่นี้มี เขาอยู่สิบเขา ภาษาไทยแปลว่า พญานาค) และพญานาคกับบริวารของมันก็ต่อสู้ แต่มันพ่ายแพ้และพบว่าไม่มีที่อยู่สำหรับพวกมันในสวรรค์อีกต่อไป”
“...แต่วิบัติจะมีแก่แผ่นดินโลกและทะเล เพราะว่ามารได้ลงมาหาเจ้าทั้งหลาย ด้วยความเดือดดาลอย่างยิ่ง เพราะมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย”
วิวรณ์ให้ภาพของ “ซาตาน” เป็นวิญญาณชั่วที่กบฏต่อพระเจ้า ที่กำลังต่อสู้อยู่กับ หัวหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้า มีคาเอล
พี่น้องครับ ซาตานคือ เจ้าแห่งการหลอกลวง พระเยซูเรียก ซาตานว่า เป็นบิดาของการโกหกหลอกลวง บิดาของการมุสา และมาร ซาตานและสมุนของมัน สามารถปลอมเป็น "ผี" ที่เราหมายถึง “วิญญาณของผู้ที่ตาย” เพื่อหลอกลวงเราให้นมัสการมัน และออกห่างจากพระเจ้า
“ผี” อาจจะเข้าสิงอยู่ในมนุษย์คนใดคนหนึ่ง แล้วกุเรื่องการระลึกชาติได้ นี่เป็นวิธีการหลอกลวงของ “ซาตาน” ที่ใช้บังหน้ากิจการของมันอย่างได้ผล และผู้คนก็เชื่อเรื่องราวอย่างนั้น ความเชื่อเรื่อง ผี วิญญาณ หรือการเวียนว่ายตายเกิด รวมถึงอิทธิฤทธิ์ต่างๆไม่ว่า การเข้าทรง การดูดวง เครื่องรางของขลัง การสักยันต์ เวทมนต์คาถา สิ่งต่างๆเหล่านี้ พระคัมภีร์เรียกว่า เป็นกิจการของมารซาตาน และเราในฐานะผู้เชื่อต้องหลีกห่าง ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เพราะล้วนแต่เป็นกิจการของมารซาตาน
แล้วคนที่ตายไปแล้ว วิญญาณของพวกเขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ?
สำหรับเรื่องนี้ พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า วิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว จะถูกเก็บไว้ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง พระคัมภีร์ปฎิเสธเรื่อง “การเวียนว่ายตายเกิด” พี่น้องที่รัก พระคัมภีร์สอนว่าเรามีเพียงชีวิตนี้ ชีวิตเดียว
ฮีบรู 9:27
“27ตามที่มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษา...”
[Slide 4]
ความเข้าใจผิดประการที่สอง : มารซาตาน ไม่ใช่ ยมบาล ที่มีเขา ถือหอกสามง่าม และนั่งครอบครองอยู่บนบัลลังก์ในนรก คอยทำหน้าที่ควบคุมวิญญาณของคนที่ตายนะครับ
บางคนมักคิดว่า มารซาตาน เป็นผู้มีอำนาจ มีเขา มีหางเป็นลูกศร ถือหอกสามง่าม และนั่งอยู่บนบังลังก์ในสถานที่ที่เราเรียกว่า “นรก” เหมือนภาพในลัทธิบูชาซาตานในปัจจุบัน “นรก” เป็นเหมือนกับเขตแดนที่มันมีอำนาจ และครอบครองอยู่
ให้ภาพเหมือนราวกับว่า พระเจ้า มีอำนาจอยู่บนพื้นที่ ที่เรียกว่า “สวรรค์” และ มารซาตานมีอำนาจครอบครองอยู่ใน “นรก”
ความจริงตามพระคัมภีร์ คือ ปัจจุบัน มารซาตาน วนเวียนอยู่บนแผ่นดินโลกนี้แหละครับ พบในพระคัมภีร์วันนี้ใน วิวรณ์ บทที่ 12 ข้อ 9
“พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตานผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก มันถูกโยนลงมาที่แผ่นดินโลก และเหล่าบริวารของมันถูกโยนลงมากับมันด้วย”
และ ข้อ 12
“...แต่วิบัติจะมีแก่แผ่นดินโลกและทะเล เพราะว่ามารได้ลงมาหาเจ้าทั้งหลาย ด้วยความเดือดดาลอย่างยิ่ง เพราะมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย”
พี่น้องครับ มารซาตาน และสมุนของมัน ถูกโยนลงมาบนแผ่นดินโลก ทะเล และย่านฟ้าอากาศ แล้วครับ มันวนเวียนอยู่รอบตัวเรา เหมือนอย่างที่ อัครทูตเปโตร กล่าวไว้ครับ ใน
1เปโตร 5:8
“จงควบคุมตัวเอง จงระวังระไวให้ดี ศัตรูของพวกท่านคือมาร ดุจสิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้”
พระคัมภีร์บอกนะครับในข้อที่ 12 ว่า มันรู้ว่า เวลาของมันเหลือน้อยเต็มที่แล้วครับ มันจะสู้กลับพระเจ้าสุดกำลัง เป็นการดิ้นครั้งสุดท้าย โดยการล่อลวงมนุษย์ให้มานมัสการมันแทนพระเจ้าให้มากที่สุด เท่าที่มันจะทำได้ เพราะว่า เมื่อถึงเวลาที่พระเจ้ากำหนดไว้ในอนาคต เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมาครั้งที่ 2 บึงไฟนรกจะเป็นที่ของมัน ต้องทนทุกข์ทรมานนิรันดร ครับ
ดังนั้น บึงไฟนรกจึง ไม่ใช่ที่มันมานั่งบนบังลังก์ครอบครอง อย่างสุดสบาย เมื่อการพิพากษาครั้งสุดท้ายมาถึงโดยพระเมสสิยาห์ พระเยซูคริสต์ ใน
วิวรณ์ 20:10
“ส่วนมารที่ล่อลวงเขาทั้งหลายก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน ที่ซึ่งสัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเท็จอยู่นั้น และพวกมันจะถูกทรมานทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดไปเป็นนิตย์”
[Slide 5]
ความเข้าใจผิดประการที่สาม ความจริงต่อเนื่องมาจากความเข้าใจผิดที่สอง : เกี่ยวกับที่เราเรียกว่า Dualism หรือ คิดว่า มาร ซาตาน มีฤทธิ์อำนาจพอๆกับพระเจ้า เหมือน พลังของความดี กับความชั่ว เหมือนกับ หยิน - หยาง ที่รักษาสมดุลไว้ระหว่างความดี กับความชั่ว
ต่อเนื่องจากข้อที่สองนะครับ บางคนคิดว่า พระเจ้า มีอำนาจอยู่บนพื้นที่ ที่เรียกว่า “สวรรค์” และ มารซาตานมีอำนาจครอบครองอยู่ใน “นรก” มารซาตาน กับพระเจ้า มีอำนาจพอๆกัน ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ
พี่น้องที่รักครับ พระคัมภีร์บอกชัดเจนนะครับ ว่า มารซาตาน และบรรดาผี วิญญาณชั่วเหล่านี้ เทียบไม่ได้เลยกับฤทธานุภาพ สิทธิอำนาจของพระเจ้า
ที่เทียบกันไม่ได้เลย เพราะ พระเจ้า คือ พระผู้สร้าง ส่วนมาร ซาตาน และ ผีวิญญาณชั่ว ความจริงก็เป็นเพียงสิ่งทรงสร้างของพระเจ้า พระคัมภีร์ไม่ได้บอกชัดเจนว่า มันมาจากไหน แต่เข้าใจว่า มารซาตาน เป็นเหล่าทูตสวรรค์ที่ตั้งใจกบฏต่อพระเจ้า และมาล่อลวงมนุษย์ให้ทำบาป
วิวรณ์ เปิดเผยเราอย่างชัดเจนว่า แท้จริงแล้ว งูที่ล่อลวงอาดัมและเอวาในปฐมกาล คือมารซาตาน นั้นเอง พบในข้อที่ 9
“พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกว่ามารและซาตานผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก...”
งูดึกดำบรรพ์นี้ อัครทูตยอห์นหมายถึง งูที่มาล่อลวงอาดัมและเอวาในปฐมกาล บทที่ 3 ให้สงสัยในความดี ความประเสริฐของพระเจ้า และ ให้มนุษย์มีความหยิ่งทะนงต้องการยกตนเองให้เป็นเหมือนพระเจ้า พระผู้สร้าง ต้องการกำหนดและนิยาม เองว่าสิ่งใดดี และสิ่งใดชั่ว สิ่งทรงสร้าง ต้องการเป็นเหมือนกับพระผู้สร้าง พี่น้องที่รักครับ ทุกวันนี้มนุษย์ก็ยังมีความปรารถนานี้อยู่ครับ “สิ่งทรงสร้าง ต้องการยกตัวเองขึ้นให้เป็นเหมือนกับพระผู้สร้าง”
พี่น้องที่รักครับ แล้วมารซาตาน แตกต่างจากมนุษย์ตรงไหนครับ เพราะต่างกบฏและหันหลังให้พระเจ้า พระผู้สร้าง เหมือนกัน
มารซาตาน ต่างจากมนุษย์ ตรงที่ว่า มารซาตาน รู้ความจริงทุกอย่างแล้ว และ ตัดสินใจกบฏกับพระเจ้า มันต้องการเป็นเหมือนพระเจ้า ให้มนุษย์มานมัสการมัน แทนที่จะนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้ พระผู้สร้าง ดังนั้นมารซาตานจึง กลับใจ ไม่ได้ เพราะเลยจุดของการกลับใจใหม่มาไกลแล้ว และมันรู้อยู่แล้วครับ ว่าปลายทางของมันคือ พวกมันจะถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน ที่ๆซึ่งพวกมันจะถูกทรมานทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดไปเป็นนิตย์
ดังนั้น ภารกิจที่สำคัญของมันคือ ล่อลวงให้มนุษย์กบฏกับพระเจ้าให้มากที่สุด อยู่ในความบาปให้นานที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ เพราะความบาปคือต้นเหตุของความทุกข์ทั้งหมด และพาจิตวิญญาณมนุษย์ไปกับมันให้มากที่สุดในบึงไฟนรก เหมือนกับว่า ในเมื่อฉันไม่ได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ ก็ให้มันบรรลัยไปด้วยกัน นี่คือ มารซาตานครับ น่ากลัวและ เหี้ยมโหดมากครับ
แต่ในขณะที่มนุษย์ที่ถูกล่อลวงให้หลงจากทางพระเจ้า ยังสามารถ กลับใจใหม่ได้ เมื่อพบกับความจริง จึงมี ผม และมีพี่น้องที่นี่ในวันนี้ครับ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดตาใจ ให้เห็นความจริงของพระเจ้า รับข่าวประเสริฐ กลับใจใหม่จากความบาป กลับมารับการคืนดี การให้อภัยจากพระเจ้าที่พบแล้วในองค์พระเยซูคริสต์ กลับมาเป็นลูกพระเจ้า กลับบ้าน
พี่น้องครับ เมื่อเราเข้าใจใน ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับมารซาตาน สามประการ จะเป็นพื้นฐานที่ช่วยให้เราเข้าใจพระคัมภีร์ตอนนี้ครับ เพื่อที่เวลาเราพูดถึง มารซาตาน ผีวิญญาณชั่ว เราจะมีความเข้าใจที่ตรงกัน
วิวรณ์ 12: 7-12 กำลังบอกอะไรกับเราครับ? สรุปออกมาเป็น ความจริง คือ
[Slide 6]
“เพื่อที่เราจะรู้จักศัตรูที่แท้จริงของเรา และรู้จักกลยุทธ์ เรียนรู้วิธีที่ต่อสู้กับมัน ในสงครามที่ชนะแล้วในพระเยซูคริสต์”
ความจริง สามประการครับ เปิดเผยจากพระคัมภีร์ตอนนี้
ประการที่หนึ่งครับ สงครามกับมารซาตาน ที่ชนะแล้วในพระเยซูคริสต์
สงครามที่ชนะแล้วในพระเยซูคริสต์
สงครามกับมารซาตาน เป็นสงครามที่เรารู้ผลของสงครามแล้วนะครับ สงครามชนะแล้วในพระเยซูคริสต์ และเราในฐานะผู้เชื่อก็ร่วมประกาศชัยชนะนี้ด้วยในพระเยซูคริสต์ พบในข้อที่ 11
“พวกเขาชนะมารด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก
และด้วยคำพยานของพวกเขาเอง”
โคโลสี 2:15 อาจารย์เปาโลอธิบายเพิ่มเติม ชัยชนะที่ไม้กางเขนของพระคริสต์ว่า
“พระองค์ทรงปลดพวกภูตผีที่ครอบครองและพวกภูตผีที่มีอำนาจ พระองค์ทรงประสานพวกมันอย่างเปิดเผย และมีชัยชนะเหนือพวกมันโดยทางกางเขนนั้น”
พี่น้องที่รักครับ เราอยู่ในสงครามที่รู้ผลแพ้ชนะแล้วครับ ผู้ที่อยู่กับพระเจ้า ในพระคริสต์จะประกาศชัยชนะร่วมกับพระองค์
ใน ลูกา 10: 17-18 สาวกเจ็ดสิบสองคนกลับมาจากการทำพันธกิจ พระเยซูส่งออกไปเป็นคู่ๆ
“สาวกเจ็ดสิบสองคนนั้นกลับมาด้วยความยินดีทูลว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า แม้แต่พวกผีก็อยู่ใต้บังคับของพวกข้าพระองค์โดยพระนามของพระองค์ ...”
ประการที่สองครับ ศัตรูที่แท้จริงของเรา คือ มารซาตาน
เวลาอยู่ในสงคราม เราต้องรู้จัก ศัตรูที่แท้จริงของเราก่อนครับ รู้ว่าเรากำลังต่อสู้อยู่กับใคร
พระคัมภีร์ตอนนี้กล่าวอย่างชัดเจนครับ มารซาตานคือ ศัตรูที่แท้จริงของเรา ไม่ใช่มนุษย์นะครับ
วิวรณ์ 12 บรรยายภาพการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณระหว่าง มิคาเอล ทูตของพระเจ้า กับ พญานาค และเหล่าสมุนของมัน คือมารซาตานและพวกบรรดผีวิญญาณชั่วที่เป็นลูกสมุนของมัน
อาจารย์เปาโล อธิบายเพิ่มเติมความเข้าใจนี้ใน เอเฟซัส 6:12
“เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับพวกภูตผีที่ครอบครอง พวกภูตผีที่มีอำนาจ พวกภูตผีที่ครองพิภพในยุคมืดนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณชั่วในสถานฟ้าอากาศ”
พี่น้องที่รักครับ เราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด ศัตรูที่แท้จริงของเรา คือ มารซาตาน ที่อยู่เบื้องหลังมนุษย์
พระเยซู สอนสาวกในคำเทศนาบนภูเขานะครับว่า “จงรักศัตรูของท่าน จงอธิษฐานเผื่อเพื่อบรรดาคนที่ข่มเหงพวกท่าน”
พระเยซูไม่ได้สอนให้ สาวกของพระองค์รักมารซาตาน และอธิษฐานเผื่อมารซาตานนะครับ พี่น้องพระองค์ทรงทราบครับ ว่าศัตรูที่แท้จริงของเราไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นมารซาตานที่กำลังทำงานอยู่เบื้องหลังเขา มันคอยชักใย และคอยบงการ มนุษย์ผ่าน ความบาป ความอ่อนแอ และ ผ่านค่านิยม ระบบของโลกนี้ ที่ถูกพวกมันครอบงำอยู่
พระเยซูสอนสาวกของพระองค์ สอนเราที่เป็นผู้เชื่อครับ ให้อธิษฐานเผื่อศัตรูที่เป็นมนุษย์ อธิษฐานเผื่อบรรดาคนที่ข่มเหงเรา เพราะเหตุแห่งความเชื่อ เพื่อที่เขาจะตาสว่าง มองเห็นความจริง และ หลุดพ้นจากพันธนาการ กำดักที่มารได้วางไว้ในชีวิตของคนเหล่านั้น ผ่าน สองสิ่งครับ คือ ความบาป ความอ่อนแอในชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น ผ่านค่านิยมในระบบของโลกนี้
พี่น้อง ถ้าเราเข้าใจความจริงข้อนี้ รู้ว่าใครเป็นศัตรูที่แท้จริงของเรา เราจะมาสามารถเมตตาและ ให้อภัย ศัตรูที่เป็นมนุษย์ หรือพี่น้องของเราได้ครับ
เมื่อเร็วๆนี้มีพี่น้องท่านหนึ่งมาขอบคุณพระเจ้าให้ผมฟังว่า เขาถูกเพื่อนร่วมงานที่อาจจะมีตำแหน่งสูงกว่าบูลลี่ ด้วยคำพูด ความจริงเขาโกรธมากและถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาน่าจะสวนกลับไปแล้วด้วยคำพูดที่รุนแรงเหมือนกัน แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตทำให้เขาระงับความโกรธไว้ได้ ถ้าเขาสวนกลับไป สิ่งที่เลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นคือ อาจจะต้องออกจากงาน แต่เขารู้ว่า การทำงานที่นี่ คือน้ำทัยพระเจ้า เป็นการทรงเรียกจากพระองค์ และที่สำคัญ เขายังสามารถให้อภัย และอธิษฐานเผื่อพี่น้องคนนั้นได้
พี่น้องครับ เมื่อเราตระหนักรู้ว่า ศัตรูที่แท้จริงของเราคือใคร จะช่วยเราอย่างมากครับ ที่จะสามารถตอบสนองได้อย่างถูกต้อง และยังคงรักษาตัวเองให้อยู่ในแผนการน้ำพระทัยของพระเจ้าในชีวิตของเราได้
พี่น้องครับ ศัตรูที่แท้จริงของเรา คือ มารซาตาน และเหล่าสมุนของมันครับ
“เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับพวกภูตผีที่ครอบครอง พวกภูตผีที่มีอำนาจ พวกภูตผีที่ครองพิภพในยุคมืดนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณชั่วในสถานฟ้าอากาศ”
มาถึงตรงนี้แล้ว ก็นำเข้าสู่ประการที่สามครับ
นอกจากเราต้องรู้จัก ศัตรูที่แท้จริงของเราแล้วนะครับ เราก็ต้องเรียนรู้จัก ยุทธวิธีของมันด้วยครับ เพื่อที่เราจะสามารถต่อสู้กับมันด้วยความเข้าใจ นำไปสู่ ความจริงประการที่ สามครับ
[Slide 7]
ประการที่สามครับ กลยุทธ์ของมารซาตาน และการต่อสู้กับมัน
พบในข้อ 9 ตอนต้น และ 10 ตอนท้าย
“9พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตานผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก...10...เพราะว่าผู้กล่าวหาพี่น้องของเรา ถูกโยนลงไปแล้ว คือผู้ที่กล่าวหาพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเราทั้งกลางวันและกลางคืนนั้น”
เราเห็น สามประการ ยุทธวิธีของมาร ในพระคัมภีร์ตอนนี้คือ
(1) โกหก หลอกลวง
ข้อ 9 “งูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารซาตาน ผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก”
มันล่อลวง โกหก โดยการบิดเบือนความจริงตามพระวจนะคำของพระเจ้า
ในปฐมกาล 3 มันเริ่มต้น พูดกับเอวา ว่า จริงหรือ? ที่พระเจ้าตรัสว่า ... มันบิดเบือนว่า พระเจ้าห้ามเขากินผลจากต้นไม้ทุกต้นในสวนทั้งที่ความจริง ห้ามเพียงต้นเดียว มันล่อลวงเอวา โกหกว่า พวกเจ้าจะไม่ตายแน่ ถ้ากินผลจากต้นไม้ที่อยู่กลางสวน และ มันหลอกให้อาดัมกับเอวา สงสัยในความดีของพระเจ้า และกระตุ้นความหยิ่ง มันว่า “เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า พวกเจ้ากินผลจากต้นไม้นั้นวันใด ตาของพวกเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้วพวกเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือรู้ความดีและความชั่ว...”
เราเห็นตัวอย่างหนึ่ง ในลูกา 4 มารซาตาน ใช้ข้อพระคัมภีร์ในการทดลองพระเยซูคริสต์ให้ทำบาปกับพระเจ้า ก่อนหน้านั้นในบทที่ 4 หลังจากพระเยซูรับบัพติสมาที่แม่น้ำจอร์แดน พระเจ้าตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก” แต่อีกบทหนึ่งหลังจากนั้น มารมาทดลองพระเยซูในถิ่นทุรกันดาร โดยกล่าวกับพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินให้กลายเป็นขนมปัง...” และใช้บิดเบือนข้อพระคัมภีร์ในสดุดี 91 ท้าทายให้พระเยซูโจนลงจากหลังคาพระวิหาร เพราะจะมีทูตสวรรค์มารองรับพระองค์ไว้
กลยุทธ์ที่หนึ่งครับ พี่น้อง มารโกหก และ หลอกลวง โดยการบิดเบือนความจริงตามพระวจนะคำของพระเจ้าอย่างแนบเนียม เพื่อนำเราไปให้ติดกำดัก ผ่านความอ่อนแอ ความไม่มั่นคงภายใน เนื้อหนังหรือ กิเลสตัหาในตัวเราเพื่อให้เราตกลงไปทำบาปกับพระเจ้า ติดอยู่ในกำดัก ยุทธวิธี ที่สอง ครับ
(2) ให้เราตกลงไปในความบาป และ ติดกำดัก มัน
มันจะหลอกเราให้เราหลงเพลิดเพลินในความบาป จนกระทั่งเราติดกับดัก จนถอนตัวไม่ขึ้น
ความบาปเมื่อเราเสพติดแล้ว
ทำให้เราหลงแช่อยู่ในความบาปนานกว่าที่เราคิด
ถล่ำลึกในความบาป ลึกเกินกว่าที่เราคาดไว้
และท้ายที่สุด เราต้องจ่ายราคา ผลของความบาปมากมายมหาศาลกว่าที่เตรียมใจไว้
กับดักของความบาปที่มารวางไว้มีมากมายครับ ผ่านความบาป และความอ่อนแอในชีวิตของเรา
เรื่องการเงิน วินัยในการใช้เงิน ก่อหนี้สินที่เกินตัว เกินกำลังที่จะจ่ายไหว หนี้บัตรเครดิต ที่เราเพลินไปกับการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะซื้อของออนไลน์ สะดวกมาก พบอีกที มีหนี้ที่ต้องจ่ายไปอีกมากกว่าสิบปี
กับดักที่มารวางไว้ ให้เราแทนที่จะรับใช้พระเจ้า ขยายอาณาจักรพระเจ้า กลับมัวสาละวนอยู่กับการใช้หนี้
กับดักในเรื่องเพศ ความผิดบาปทางเพศ ผ่านความอ่อนแอ จุดอ่อนในชีวิต มารู้ตัวอีกที ก็พบกับการหย่าร้าง ครอบครัวแตกแยก บางคนต้องถูกดำเนินคดี เสียชื่อเสียง เสียงาน สูญเสียการทรงเรียก ชีวิตพบกับหายนะ ต้องจ่ายราคาผลของความบาปมหาศาล มากกว่าที่เตรียมใจไว้
มีอีกมากมายครับ กับดับ คำพูด การติดยาเสพติด ติดเหล้า ติดการพนัน พี่น้อง สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นกับดักที่มารวางไว้ ใช้กิเลสตัญหาของเรา เนื้อหนังของเรา ล่อให้เราพึงพอใจ
กับดักความบาปเมื่อเราเสพติดแล้ว
ทำให้เราหลงแช่อยู่ในความบาปนานกว่าที่เราคิด
ถล่ำลึกในความบาป ลึกเกินกว่าที่เราคาดไว้
และท้ายที่สุด เราต้องจ่ายราคา ผลของความบาป มากมายมหาศาลกว่าที่เราเตรียมใจไว้
(3) ปรักปรำและกล่าวโทษ
พบในข้อ 10
10...เพราะว่าผู้กล่าวหาพี่น้องของเรา ถูกโยนลงไปแล้ว คือผู้ที่กล่าวหาพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเราทั้งกลางวันและกลางคืนนั้น”
ซาตาน มีความหมาย ถึง ผู้ที่ทำหน้าที่กล่าวโทษ มันคอยกล่าวโทษเรา เมื่อเราทำผิดบาป ปรักปรำเรา ต่อหน้าพระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืน ในพันธสัญญาเดิม เราพบใน โยบ 1 และ เศคาริยาห์ บทที่ 3 พี่น้องถ้ามีเวลาลองไปอ่านดูนะครับ
ขอบคุณพระเจ้านะครับ มันถูกโยนลงมาจากสวรรค์แล้ว และไม่สามารถกล่าวโทษเรากับพระเจ้าได้อีกต่อไปแล้ว เพราะ ไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์ ได้ลบล้างความผิดบาปทั้งสิ้นของเราแล้ว จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า เรามีพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงทูลขอเพื่อเรา เป็นตัวแทนเรากับพระเจ้า
โรม 8: 33-34
“ใครจะฟ้องคนที่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้? พระเจ้าทรงทำให้พวกเขาเป็นคนชอบธรรมแล้ว ใครจะเป็นผู้ลงโทษอีก? พระเยซูคริสต์หรือ? ผู้สิ้นพระชนม์แล้ว และยิ่งกว่านั้นอีกพระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย พระองค์สถิต ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และทรงอธิษฐานขอเพื่อเราด้วย”
พี่น้องครับ ยุทธวิธีของมาร ครับ (1) โกหก หลอกลวง บิดเบือนความจริง บิดเบือนพระคำพระเจ้า ล่อลวงให้(2) เราติดกับดัก ทำบาป และถล้ำลึกในความบาป เพราะความอ่อนแอ กิเลสตัญหา เนื้อหนังของเรา และ (3) กล่าวโทษ ปรักปรำเรา จนเราไม่สามารถกลับใจได้ ไม่สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ ที่พบแล้วในพระเยซูคริสต์
พี่น้องเมื่อเราเรียนรู้กลยุทธ์ของมารซาตาน เราจึงต้อง ศึกษาพระคัมภีร์อย่างจริงจังครับ เรียนรู้พระวจนะคำของพระเจ้าจริงๆ ไม่หลงไปกับคำโกหก คำบิดเบือนความจริง เฝ้าเดี่ยวทุกวัน มีพระคำพระเจ้าในชีวิตของเรา และ เราต้องรู้จักจุดอ่อน ของเราครับ ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ สำรวจชีวิตภายใน เปิดเผยสำแดงความอ่อนแอ ความบาปในชีวิตของเรา กลับใจใหม่ สารภาพความผิดบาปในชีวิตของเรา รับการยกโทษบาปที่พบแล้วในโลหิตของพระเมษโปดก พระเยซูคริสต์ และ เราต้องไม่หลงไปแค่การปรับปรำจากมารให้เราติดอยู่กับแค่ความเสียใจในบาป แต่ไม่ได้นำเราไปสู่การกลับใจใหม่ รับการให้อภัย และ เริ่มต้นใหม่ ที่พบแล้วในพระเยซูคริสต์ ที่ไม้กางเขน
พี่น้องครับ ตอนที่ผมเกริ่นนำ บอกมีคนอยู่สองกลุ่มนะครับ ที่มารชอบ กลุ่มแรกคือ ผู้เชื่อที่ดำเนินชีวิตราวกับว่าไม่มีมารซาตานจริงๆ ไม่ระมัดระวังในการดำเนินชีวิต และอีกกลุ่มหนึ่งที่ ให้ค่า น้ำหนักกับมารซาตานมากเกินความจริง หมกมุ่นมากจนเกินไป จนชีวิตอาจจะเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ขาดสันติสุข บางครั้งเข้าข่ายงมงายไปเลยก็มีครับ นี่ก็ไม่ได้ นั้นก็ไม่ได้ แบบนี้ก็ไม่ได้ถวายเกียรติพระเจ้า มารก็ชอบนะครับ
ผมคิดว่า พระเยซูทรงตำหนิคนทั้งสองกลุ่มนะครับ ในยุคของพระองค์ ตัวแทนคนกลุ่มแรกคือพวกสะดูสี เขาไม่เชื่อในทุตสวรรค์ ชีวิตหลังความตาย และ กลุ่มที่สองคือพวกเอสซีนที่ เชื่อว่าทุกอย่างคือการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ หลีกหนีออกจากสังคมไปเลย ผมคิดว่าให้เราเลียนแบบ ชีวิตในการทำพันธกิจของพระเยซูคริสต์ พระองค์ไม่หลีกหนีสังคม ทรงตระหนักถึง การมีอยู่ของผีมารซาตาน วิญญาณชั่ว
พระองค์ทรงมุ่งมั่น ทุ่มเท ในการเทศนาสั่งสอน สร้างสาวก ประกาศแผ่นดินของพระเจ้า เมื่อมีความจำเป็นเกิดขึ้นในการทำพันธกิจขยายแผ่นดินของพระเจ้าเหล่านี้ ไม่ว่าจะ มีคนนำคนเจ็บป่วย ผีเข้า มา พระองค์ก็ไม่ปฎิเสธ ทรงรักษา และขับผี แต่ในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงไม่ได้ให้น้ำหนักให้ค่ากับผีมารซาตานแต่อย่างใด แต่ทรงให้น้ำหนักกับ สร้างสาวก ประกาศแผ่นดินพระเจ้า ความรอด มากกว่า ทรงไม่ได้ออกไปเพื่อแสวงหา มารซาตาน แล้วไปขับไล่มันนะครับ ในลูกา 10 หลังจากที่สาวกกลับมาจากพันธกิจและตื่นเต้นดีใจ ที่ขับผีได้ในนามของพระองค์ พระองค์ตรัสตอบอย่างนี้นะครับ ในข้อ 20 “แต่ว่าอย่าชื่นชมยินดีในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของท่าน แต่จงชื่นชมยินดีที่ชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์”
[Slide 8]
พี่น้อง วิธีการการต่อสู้กับมารซาตาน ในสงครามที่ชนะแล้วในพระเยซูคริสต์
ในข้อที่ 11
“พวกเขาชนะมารด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก
และด้วยคำพยานของพวกเขาเอง
และพวกเขาไม่ได้รักตัวกลัวตาย”
พี่น้องให้เรายังคง จดจ่อที่ การสร้างสาวก ขยายอาณาจักรพระเจ้า ประกาศความรอด นำคนเข้ามาในแผ่นดินของพระเจ้า ข่าวประเสริฐของพระเยซูคือสิ่งที่เราต้องจดจ่อ
ถ้าที่ๆเราอยู่ มีแต่ความเคียดแค้นชิงชัง ให้เราสำแดงความรัก
ถ้าที่ๆเราอยู่ มีแต่ความแตกแยก ให้เราสำแดงความถ่อมใจ
ถ้าที่ๆเราอยู่ มีแต่ความขมขื่นใจ ให้เราสำแดงการให้อภัย
ถ้าที่ๆเราอยู่ มีแต่ความสิ้นหวัง ให้เราสำแดงความหวัง และกำลังใจ
ถ้าที่ๆเราอยู่ มีแต่ความเห็นแก่ตัว ให้เราสำแดง การให้ด้วยใจกว้างขวาง
ให้เราทำในสิ่งตรงข้ามกับ กิจการของมารซาตาน เราใช้ทั้งหมดในชีวิตของเรา เป็นคำพยานถึงข่าวประเสริฐ ของล้ำค่าที่สุดที่อยู่ในภาชนะดิน นี้แล้ว อาเมนนะครับ
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
Related Media
See more
Related Sermons
See more
Earn an accredited degree from Redemption Seminary with Logos.