"สันติสุข"ในการเสด็จมาของพระคริสต์

Christmas  •  Sermon  •  Submitted   •  42:01
0 ratings
· 416 views

Christmas Season

Files
Notes
Transcript
Sermon Tone Analysis
A
D
F
J
S
Emotion
A
C
T
Language
O
C
E
A
E
Social
View more →
“สันติสุข ในการเสด็จมาของพระผู้ช่วยให้รอด”
คริสตจักรไคร้สตเชิช กรุงเทพ
วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2021
ลูกา 2:1-14
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Word Count 4,162 ; Time 33 minutes
พระเจ้าสถิตกับท่าน [และสถิตกับท่านด้วย]
ขอบคุณพระเจ้านะครับ สำหรับ วันอาทิตย์ พิเศษในวันนี้ เรามาร่วมใจกัน เฉลิมฉลองเทศกาลคริสตมาส
เทศกาลคริสตมาส ในแต่ละปี เราจะเริ่มสัมผัสบรรยากาศได้นะครับ การประดับ ตกแต่งในห้างสรรพสินค้า น้องถามผมว่า ที่คริสตจักรจะมีต้นคริสตมาสใหญ่ๆ อยู่หน้าคริสตจักรมั้ย เรานึกถึงห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆนะครับ จะมีการประดับประดาตกแต่ง มีต้นคริสตมาสประดับไฟสูง อยู่หน้าห้างสรรพสินค้า ที่คริสตจักรยังไม่มีนะครับ มีแต่อยู่ในลีฮอล์ นะครับ
เรามาร่วมใจกัน เฉลิมฉลองเทศกาลคริสตมาส ระลึกถึงวันประสูติ วันเกิดของพระเยซูคริสต์
พี่น้องครับ ปกติเราจะฉลองวันเกิดให้เฉพาะกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่นะครับ เราจะไม่ฉลองวันเกิดให้กับคนที่เสียชีวิตไปแล้วนะครับ เพราะสำหรับผู้เชื่อแล้ว พระเยซูยังทรงพระชนม์อยู่นะครับ เพราะทรงเป็นขึ้นจากความตายในวันที่สาม
พี่น้องครับ เรามาฉลองคริสตมาส งานวันเกิด เราต้องไม่ลืมเจ้าของวันเกิดนะครับ ในทุกๆปี คำเทศนาในคริสตจักรก็จะช่วยเตือนใจเรา ในฐานะผู้เชื่อนะครับ ให้เราเข้ามาระลึกถึง เจ้าของงานวันเกิดที่แท้จริง พระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นเจ้าของงานวันเกิด ผู้ทรงเป็น ความหมายที่แท้จริง ที่เราเข้ามาเฉลิมฉลอง
คริสตมาส จึงเป็นช่วงเวลาเข้ามาทบทวน เรื่องราวของเจ้าของวันเกิดที่แท้จริง คือ องค์พระเยซู คริสต์ ระลึกถึงวันเกิดของพระองค์เมื่อกว่าสองพันกว่าปีที่แล้ว
ก่อนจะรับพระคำพระเจ้าในบ่ายวันนี้ ให้เราสงบใจ ก้มศีรษะ หลับตา ร่วมใจกันอธิษฐาน เพื่อรับพระคำพระเจ้าร่วมกันครับ
“พระเจ้าผู้ทรงพระคุณ โปรดประทานหัวใจที่ถ่อม ยินดีรับการสอน และใจที่เชื่อฟัง ในขณะที่ลูกรับการเปิดเผยและสำแดงจากพระคำของพระองค์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอทรงประทานกำลังที่ลูกจะสามารถกระทำตามสิ่งที่พระองค์ทรงเปิดเผยและสำแดง ให้เป็นจริงในชีวิตของลูก ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”
หัวข้อคำเทศนาในวันนี้คือ “สันติสุข” ในการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์
ในข้อที่ 14 พระคัมภีร์บันทึกว่า มีชาวสวรรค์หมู่หนึ่งมาปรากฎอยู่กับทูตสวรรค์ ร่วมกันสรรเสริญพระเจ้าว่า
“พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด
ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์โปรดปรานนั้น”
ในค่ำคืนคริสตมาสแรก วันเกิดของกุมารเยซู บรรดาทูตสวรรค์ ได้ประกาศกับคนเลี้ยงแกะกลุ่มหนึ่ง ถึง การมาของ สันติสุข บนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์โปรดปรานนั้น การเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ ในคริสตมาสแรก นำมาซึ่ง สันติสุข ท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระเจ้าทรงโปรดปราน คือ สันติสุข ท่ามกลางผู้เชื่อ ซึ่งหมายถึงพี่น้องทุกคนในวันนี้นะครับ
คำว่า “สันติสุข” ในที่นี้ เราก็จะมักจะคิดขึ้น สภาพจิตใจภายใน ที่มีความสุขสันติ เป็น สันติสุขในใจนะครับ สันติสุข ในภาษากรีกที่ใช้ มีความหมายที่กว้างและลึกกว่านั้น สันติสุข บนแผ่นดินโลก ที่บรรดากองทัพทูตสวรรค์มาประกาศ ในค่ำคืนวันคริสตมาสแรก มีอย่างน้อยสองความหมาย ตามพระคัมภีร์นะครับ
(1) ความหมายที่หนึ่ง สันติสุข หมายถึง การคืนดี การสร้างสันติ ให้ภาพของเมื่อก่อนมีสงครามเกิดขึ้น บัดนี้ มีการเซ็นสนธิสัญญาสงบศึก ทำให้เกิดสันติภาพขึ้นระหว่างประเทศ
พี่น้องครับ สันติสุข การคืนดี หรือสันติภาพ ในความหมายนี้ เริ่มต้นระหว่าง มนุษย์กับพระเจ้า ก่อนครับ
วันที่พระเยซูเสด็จมาประสูติ วันคริสตมาสแรก พระเจ้าได้ประกาศ เริ่มต้น พันธกิจ การคืนดี กับมนุษย์แล้วครับ
พี่น้องครับ สงคราม และ สมรภูมิรบที่ดุเดือดที่สุด ความจริงอยู่ภายในจิตใจของเรา นี่แหละครับ ไม่ใช่ที่ไหนเลย
สงครามระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า ได้เริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่ปฐมกาลแล้วครับ ในสวนเอเดน มนุษย์ประกาศสงครามกับพระเจ้าครับ เมื่อมนุษย์คู่แรก ตัดสินใจ กบฏกับพระเจ้า ต้องการชี้ถูกชี้ผิดเอง เหมือนพระผู้สร้าง หันหลังให้กับพระเจ้า ปราถนาที่จะให้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง ปฎิเสธไม่ยอมรับพระเจ้าเป็นศูนย์กลางในชีวิต
คริสตมาส คือ การสร้างสันติ โดยการเสด็จมาของพระกุมารเยซู ผู้ทรงเป็นตัวแทนของ “มนุษย์ทั้งหลายที่พระเจ้าทรงโปรดปราน” พระเยซูประสูติจาก จากนางมารีย์ หญิงพรหมจารี ด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่มาจากพงศ์พันธุ์ของอาดัม มนุษย์ที่กบฏ พระองค์จึงเป็นตัวแทนของสัญญาสงบศึก สัญญาสันติภาพ ที่เริ่มต้น “สร้างสันติ” จากพระเจ้า ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า
การสร้างสันติ ต้องเริ่มต้น ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระผู้สร้างก่อน ในการเสด็จมาประสูติของพระเยซูคริสต์ แล้วเราจึงจะสามารถ สร้างสันติภาพ ที่แท้จริงได้ ระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง
สันติภาพ ที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ เมื่อ มนุษย์คืนดีกับพระเจ้า มนุษย์ยอมจำนนกับพระเจ้า ในข้อที่ 10 เมื่อทูตสวรรค์กล่าวกับบรรดาคนเลี้ยงแกะว่า “อย่ากลัวเลย เรานำข่าวดีมายังพวกท่าน...” คำว่า “ข่าวดี” นี้ในภาษากรีก หมายถึงว่า กษัตริย์พระองค์ใหม่ได้เสด็จมาแล้ว เป็นข่าวดี ผ่านทางพระเยซูคริสต์ องค์สันติราช ผู้สร้างสันติที่แท้จริง
เมื่อพระคริสต์เสด็จมา “...ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์โปรดปรานนั้น”
(2) สันติสุข ในความหมายที่สองคือ ความครบบริบูรณ์ ความอยู่ดีกินดี
ชีวิตที่มีสันติสุข ในความหมายที่สอง ที่พระเยซูเสด็จมา และมอบให้กับผู้เชื่อ คือ ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ทั้งด้าน ร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ
พระเยซูตรัสใน ยอห์น 10:10 พระเยซู ตรัสว่า “เรามาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและ จะได้อย่างครบบริบูรณ์
เป็นน้ำพระทัยพระเจ้าครับ เมื่อเรามีชีวิตอยู่ “ในพระคริสต์” เราจะชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณ สันติสุขนี้ ซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เมื่อพระคริสต์เสด็จมา เป็นกุมารบนรางหญ้า เริ่มต้นขึ้นแล้วเมื่อเรารับเสด็จพระคริสต์เข้ามาในชีวิตของเรา และ เราจะได้รับอย่างครบบริบูรณ์เมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมาครั้งที่ 2 เพื่อสถาปนาอาณาจักรนิรันดร์ของพระองค์
คริสตมาสจึงไม่เพียงแต่ ระลึกถึงการเสด็จมาในอดีตเมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว คริสตมาสยังหมายถึง การรอคอยการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ในอนาคต เพื่อที่เราจะอยู่ในอาณาจักรนิรันดร์ รับชีวิตที่ครบบริบูรณ์อย่างแท้จริง
พี่น้องครับ สันติสุข ในการเสด็จมาของพระคริสต์ ในช่วงเทศกาลคริสตมาสนี้ มีสองภาพนะครับ นำการคืนดี นำมาซึ่งสันติภาพ และ ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ปราศจากความกังวลใดๆ ชีวิตที่กินดีอยู่ดี เราพบได้ในพระคริสต์ ตามพระสัญญาในพระคัมภีร์ เมื่อบรรดาเหล่าทูตสวรรค์ได้ประกาศ กับคนเลี้ยงแกะ ในคริสตมาสแรก
ให้เราสำรวจ ชีวิตเราในบ่ายวันนี้ดีมั้ยครับ ในช่วงที่ผ่านมา เรา มีสันติสุขในชีวิตมั้ย เรามีสันติสุขแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ? มีช่วงเวลาไหนมั้ยครับ ที่เรารู้สึกว่าเราขาดสันติสุข
จิตใจเราตอนนี้ ของเรา กำลังเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ความกลัว ความอับอาย ความผิดหวัง และเสียใจ ตอนนี้จิตใจ เราเป็นอย่างไรบ้างครับ
พระวจนะคำของพระเจ้าในบ่ายวันนี้ ได้บอกเราถึง ความหมายและที่มาของ สันติสุข ว่าอยู่ในพระคริสต์ ครับ และ บรรดาทูตสวรรค์ประกาศว่า สันติสุขแท้ นี้มีอยู่ท่ามกลางมนุษย์ที่พระเจ้าทรงโปรดปราน
สันติสุข นี้ ไม่ได้มีให้กับมนุษย์ทุกคน บนแผ่นดินโลกนะครับ พระคัมภีร์บอกว่า มีอยู่ท่ามกลาง มนุษย์ที่พระเจ้าทรงโปรดปราน
ดังนั้น พี่น้องครับ ชีวิตของเราจะมีสันติสุขแท้ได้ เราต้องเป็นคนที่พระเจ้าโปรดปราน ครับ มีอย่างน้อย สามลักษณะครับ สำหรับ คนที่พระเจ้าโปรดปราน เพื่อที่เราจะมีสันติสุขแท้จากพระเจ้า ครับ
(1) “มาจากเบื้องบน และพบในพระคริสต์” พบในข้อที่ 13-14
“13ในทันใดนั้น ชาวสวรรค์หมู่หนึ่งมาปรากฏอยู่กับทูตสวรรค์องค์นั้นร่วมสรรเสริญพระเจ้าว่า
14“พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์โปรดปรานนั้น”
บรรดาทูตสวรรค์จากเบื้องบน ประกาศสันติสุขในการเสด็จมาของพระคริสต์ ให้กับมนุษย์เบื้องล่าง ครับ คือกับคนเลี้ยงแกะ ผู้ต่ำต้อย ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงโปรดปราน
เพราะ คนที่พระเจ้าโปรดปราน จะตระหนักว่า
สันติสุข แท้ มาจากพระเยซู คริสต์ เท่านั้นครับ คือ มาจากเบื้องบน สู่มนุษย์
พระเยซูทรงเป็นองค์สันติราช ผู้สร้างสันติท่ามกลางมนุษย์ และ กับพระเจ้า และทรงสัญญาที่จะประทานชีวิตที่ครบบริบูรณ์ให้กับผู้เชื่อ
บริบทพระคัมภีร์ เราเห็นคนอย่างน้อยสองกลุ่มในพระคัมภีร์ตอนนี้นะครับ คนกลุ่มที่หนึ่งคือ กลุ่มชนชั้นผู้ปกครองที่พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้นะครับ พบในข้อที่ 1 และ 2 จักรพรรดิออกัสตัส ซีซาร์ และ คิรีนีอัส เจ้าเมืองซีเรีย เขตปกครองที่นางมารีย์และโยเซฟอาศัยอยู่ และอีกกลุ่มหนึ่ง คือ คนเล็กน้อย และต่ำต้อยในสังคมโรมในเวลานั้นครับ คือ บรรดาคนเลี้ยงแกะ ที่อยู่กลางทุ่งหญ้า
ในคนสองกลุ่มนี้ พระเจ้าทรงใช้บรรดาฑูตสวรรค์ของพระองค์ มาประกาศ สันติสุข นี้กับ กลุ่มคนเลี้ยงแกะ ผู้ต่ำต้อย ที่นอนเฝ้าฝูงแกะของตนกลางทุ่งหญ้า แทนที่จะไปประกาศข่าว สันติสุข นี้กับ กลุ่มชนชั้นผู้นำ พบในข้อ 8 – 9
“8ในแถบนั้นมีพวกคนเลี้ยงแกะอยู่กลางทุ่งกำลังเฝ้าฝูงแกะของเขาในเวลากลางคืน 9มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่พวกเขา และพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่องล้อมรอบเขา และเขากลัวนัก”
ในช่วงที่พระเยซูเสด็จมาบังเกิด มีคำที่เป็นภาษาละตินที่ได้รับการ Promote ทางการเมืองโดยชนชั้นปกครองครับ จักรพรรดิออกัสตัส ซีซาร์ ทั่วอาณาจักรโรมัน คือคำว่า “Pax Romana” หรือแปลเป็นไทยว่า “สันติสุขแห่งโรม” เป็นคำสัญญาว่า ซีซาร์ เป็นผู้สร้างให้เกิด “Pax Romana” สันติสุข สันติภาพ ไม่มีศึกสงครามใดๆ
เป็นถ้อยคำที่สวยหรู เพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง มั่นใจว่าจะสามารถครอบครองจิตใจของคนในอาณาจักรโรม คงคล้ายๆกับ นโยบายการเมืองของรัฐบาลในทุกยุคทุกสมัยครับ อย่างตัวอย่างเช่น เร็วนี้ ประธานาธิบดีจีน ก็ประกาศ คำว่า “Common Prosperity” “เจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน”
จักรพรรดิซีซาร์ ได้สร้างถนน ทั่วทั้งอาณาจักร ผู้คนในอาณาจักรสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก ช่วยส่งเสริมการค้าขาย เศรษฐกิจ เมื่อมีระบบการคมนาคมขนส่งที่ดี
มีการพัฒนาระบบชลประทาน ให้ประชาชนมีน้ำใช้
มีการสร้างโคลอเซียม เพื่อสร้างความสุข สนุกสนาน บันเทิงให้กับประชาชน เพื่อให้มั่นใจว่าคนมีความสุข สนุกสนาน จากกิจกรรมความบันเทิงต่างๆที่ซีซาร์หยิบยื่นให้
นำความเจริญทางด้านการศึกษาแบบกรีก การค้า เศรษฐกิจที่ดี ผู้คนอยู่ดีกินดี ให้กับ อาณาจักร
Pax Romana นี้เป็นช่วงที่อาณาจักรโรม ค่อนข้างมีสันติภาพ ปราศจาก ศึกสงครามครั้งใหญ่ๆ นำสันติสุข สันติภาพ แก่ชาวโรมัน ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาประมาณ สองร้อย ปี
Pax Romana เป็นตัวแทนของ สันติสุข ที่มาจากมนุษย์ จากเบื้องล่าง
Pax Romanna เป็นตัวแทนของ ระบบของโลกนี้ ที่สัญญาว่า จะให้ สันติสุข สันติภาพ การกินดีอยู่ดี ให้กับ มนุษย์บนโลกนี้
เราก็ทราบนะครับ ว่าไม่มีความยั่งยืน และเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว ปัจจุบัน ไม่มีอาณาจักรโรมแล้วนะครับ Pax Romana ก็อยู่ได้เพียง สองร้อยปี ก่อนที่จะเกิดสงคราม การรุกรานจากชนชาติรอบด้าน จนนำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักรโรมในที่สุด
สันติสุข แท้ที่พบในพระคริสต์ ที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันผ่านทางผู้เชื่อ ที่พระเจ้าทรงโปรดปราน และจะยังคงอยู่ต่อไปนิรันดร์ครับ เพราะเป็นพระสัญญาจากพระเจ้า สันติสุข แท้จากเบื้องบน พบในพระคริสต์ การเสด็จมาของพระองค์ในค่ำคืน คริสตมาสแรก
พี่น้องครับ บ่ายวันนี้ เราเป็นคนกลุ่มไหนครับ คนที่แสวงหา สันติสุข สันติภาพ จาก Pax Romana จากระบบของโลกนี้ ที่ให้ได้เพียงชั่วคราว หรือ เราเลือกที่จะเป็นกลุ่มคนที่สอง กลุ่มคนที่พระเจ้าโปรดปราน แสวงหา สันติสุข จากเบื้องบน ที่พบแล้วในการเสด็จมาของพระคริสต์
วันนี้ Pax Romana ของเราคืออะไรครับ ใช่ วัตถุสิ่งของ ใช่ คนบางคนที่เราพึ่งพา หรือ งาน ตำแหน่งที่เราทำอยู่หรือเปล่าครับ ? วันนี้พระเจ้าบอกเราครับ ว่า คนที่พระเจ้าโปรดปราน คือ คนที่ เลือก สันติสุขแท้ ที่พบในการเสด็จมาของพระเยซู คริสต์ ในคริสตมาสแรก
ประการที่หนึ่งนะครับ ลักษณะคนที่พระเจ้าโปรดปราน และจะพบกับ สันติสุข ในพระเจ้า คือ คนที่วางใจในสันติสุข จากเบื้องบน ไม่ใช่วางใจในสันติสุขจากเบื้องล่าง จากมนุษย์ สันติสุขจากเบื้องบน คือ การเสด็จมาบังเกิดของกุมารเยซู ผู้ทรงทำให้เรา คืนดี รับการให้อภัยจากพระเจ้า และ นำจะนำชีวิตที่ครบบริบูรณ์มาให้กับเรา ชีวิตนิรันดร์ร่วมกับพระองค์ ในอาณาจักรพระเจ้า
ลักษณะคนที่พระเจ้าโปรดปราน ที่จะได้รับสันติสุข ประการที่สอง
(2) ไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายนอก
ครอบครัว ของโยเซฟ และนางมารีย์ เป็นครอบครัวพิเศษมาก และได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า
ในข้อที่ 1-7
“1อยู่มาคราวนั้น มีรับสั่งจากจักรพรรดิออกัสตัสให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน 2นี่เป็นครั้งแรกที่มีการจดทะเบียนสำมะโนครัว เกิดขึ้นในสมัยที่คีรินิอัสเป็นเจ้าเมืองซีเรีย 3คนทั้งหลายต่างก็ไปจดทะเบียนที่เมืองของตน 4โยเซฟก็เดินทางจากเมืองนาซาเร็ธแคว้นกาลิลี ไปที่เมืองของดาวิดชื่อเบธเลเฮมในแคว้นยูเดียด้วย เพราะว่าเขาเป็นวงศ์วานและเชื้อสายของดาวิด 5เขาไปจดทะเบียนพร้อมกับมารีย์หญิงที่เขาหมั้นไว้แล้วและกำลังตั้งครรภ์ 6ขณะเขาทั้งสองอยู่ที่นั่น ก็ถึงเวลาที่มารีย์จะคลอดบุตร 7นางจึงคลอดบุตรชายหัวปี เอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางหญ้า เพราะว่าไม่มีที่ว่างในโรงแรมสำหรับพวกเขา”
คนที่พระเจ้าโปรดปราน จะรู้ครับ ว่า สันติสุขที่พระเจ้ามอบให้กับเขานั้น ไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายนอก
มองจากสายตาของมนุษย์ครอบครัวของโยเซฟ และนางมารีย์เป็นอย่างไรครับ
ยากลำบาก ขาดแคลน และ อ่อนแอ ครับ
คู่หมั้นทั้งสองคน เผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะนางมารีย์ตั้งครรภ์ได้เก้าเดือนแล้ว ท้องแก่ใกล้จะคลอดอยู่แล้ว แต่เป็นคำสั่งจากจักรพรรดิให้ทำสำมะโนครัวประชากร และต้องเดินทางจากที่ๆเขาอยู่คือ นาซาเร็ธ ในกาลิลี ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอิสราเอล เดินทางลงใต้ไปที่เบธเลเฮมบ้านเกิดของบรรพบุรุษของโยเซฟ ที่สืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด ระยะทางเดินทางลงใต้นี้ประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร
การเดินทางในสมัยนั้น ยากลำบากนะครับ ไม่เหมือนเราในสมัยปัจจุบัน เส้นทางการเดินทางต้องผ่านทะเลทราย ผ่านป่าและหุบเขาในบริเวณก่อนเข้าสู่เบธเลเฮ็ม นักประวัติศาสต์ประมาณการกันว่า โดยพิจารณาจากสภาพแวดล้อม ในการเดินทาง คนปกติในเวลานั้นจะเดินทางได้วันละประมาณ 40 กิโลเมตร แต่ถ้ามีหญิงท้องแก่ด้วยแล้ว ก็จะเหลือ ประมาณ 20 กิโลเมตร เส้นทางก็ยากลำบาก กันดาร ผ่านที่ราบในทะเลทราย ต้องเดินทางผ่านพื้นที่ที่เป็นหุบเขาด้วยนะครับ ต้องขึ้นเขา ลงเขา และ ผ่านพื้นที่ป่า ที่อันตรายจากสัตว์ร้าย เช่น หมี และ โจรผู้ร้ายที่จะดักปล้นชิงทรัพย์สินในป่าลึก ดังนั้นส่วนใหญ่ต้องเดินทางไปด้วยกันเป็นคาราวาน เพื่อความปลอดภัย และเนื่องจากครอบครัวนี้ เดินทางได้ช้ากว่าคนอื่นๆ จึงเป็นไปได้ว่า ที่พักที่บ้านญาติๆก็เต็มแล้ว เพราะเบธเลเฮ็มเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ เลยต้องไปพักที่โรงแรม
เวลาพูดถึงโรงแรมในที่นี้ อย่าคิดถึงโรงแรมในปัจจุบันนะครับ ผมคิดว่า เรียกว่าห้องเช่าจะดีกว่าหรือ แบบ Homestay ครับ เพราะคนเดินทางมาเยอะในช่วงเวลาสั้นๆ ห้องเช่าก็เต็มไปด้วยผู้คน แถมคลอดลูกในคืนที่มาถึงอีก ต้องไปคลอดลูกอยู่ในพื้นที่เลี้ยงสัตว์ใน Homestay ปกติบ้านในสมัยนั้นจะมีพื้นที่ไว้สำหรับให้สัตว์เลี้ยงของเขาได้รับความอบอุ่นในบ้าน ไมว่าจะเป็นแกะ หรือลา พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงอาจจะเป็นถ้ำที่อยู่ใกล้ๆบ้านก็ได้ครับ
พี่น้องครับ สันติสุข ในการเสด็จมาของพระคริสต์ ไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายนอกครับ ภายนอกแม้จะเผชิญความยากลำบาก เหมือนอย่างครอบครัวนี้ ขัดสน ยากจน ขาดแคลน อ่อนแอ ความกลัว และ เหนื่อยล้า แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่า เป็นครอบครับที่มีสันติสุข และวางใจในการจัดเตรียมจากพระเจ้า แม้จะไม่ยิ่งใหญ่ อลังการ ไม่ได้สะดวกสบายในสายตาของคนอื่นๆ แต่ก็เพียงพอ ที่แผนการของพระเจ้าจะสำเร็จ ผ่านชีวิตของครอบครัวนี้
กุมารเยซู ทารกน้อย องค์พระผู้ไถ่ ผู้ทรงนำสันติสุขมาจากเบื้องบน ประสูติ เกิดในคอกสัตว์ ในรางหญ้า แต่เป็นการประสูติที่เต็มไปด้วยสันติสุข ความชื่นชมยินดี บรรดาคนเลี้ยงแกะต่างมาเข้าเฝ้า และชื่นชมยินดี หลังจากได้ฟังการประกาศข่าวดี จากทูตสวรรค์
พี่น้องครับ สันติสุข ในครอบครัวโยเซฟและ นางมารีย์ และการประสูติของกุมารเยซู อาจจะดูลำบาก ขาดแคลน อ่อนแอ และ ความกลัว ในสายตาของคนอื่นๆ แต่สำหรับ นางมารีย์และโยเซฟ และ บรรดาคนเลี้ยงแกะ กลับเต็มไปด้วยสันติสุขและ ความชื่นชมยินดี
คนที่พระเจ้าทรงโปรดปราน ตระหนักว่า สันติสุขแท้ ที่พบในการเสด็จมาของพระคริสต์นั้น ไม่ถึงอยู่กับสถานการณ์ภายนอกที่พวกเขาเผชิญ เพราะผู้เชื่อรู้ว่า ท่ามกลางความยากลำบาก ขัดสน อ่อนแอ นั้น พระเยซูทรงอยู่กับเขาด้วย และ ผู้ที่พระเจ้าทรงโปรดปราน จะวางใจในการเลี้ยงดูและการจัดเตรียมจากพระเจ้า เขาไม่บ่นต่อว่า สถานการณ์หรือขาดสันติสุข เหมือนอย่างนางมารีย์ โยเซฟ และ บรรดาคนเลี้ยงแกะในเวลานั้น
พี่น้องครับ วันนี้สถานการณ์ภายนอกรอบตัวเราเป็นอย่างไรบ้างครับ
บางครอบครัว อาจกำลังเผชิญ ความเจ็บป่วย กับโรคบางอย่างอยู่
บางครอบครัว อาจกำลังต่อสู้กับโรคซึมเศร้า
บางครอบครัว กำลังเผชิญกับสมาชิกที่บ้านที่เจ็บป่วย ที่เราต้องดูแล เหน็ดเหนื่อย อดหลับอดนอน
บางครอบครัว อาจกำลังเผชิญกับ ลำบาก รายได้หดหายจากการระบาดของ โควิด 19
บางครอบครัว อาจกำลังเผชิญ ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์กับลูกๆ หรือระหว่างสามีและภรรยา อาจกำลังถึงขึ้นหย่าร้างกัน
บางครอบครัว อาจกำลังเผชิญ เรื่องการไม่มีลูก สูญเสียลูกในครรภ์
พี่น้องครับ สันติสุข ในการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ บอกกับเราครับ ให้เราเลียนแบบ ครอบครัวที่พระเจ้าทรงโปรดปรานครอบครัวนี้ครับ ครอบครัวของโยเซฟ และนางมารีย์ ไม่ว่าเค้าต้องเผชิญความยากลำบากเพียงใด พวกเขายังคงมีสันติสุข เพราะว่าพวกเขามีพระคริสต์อยู่ในครอบครัว พวกเขาไม่บ่นต่อว่ากับสถานการณ์ แต่เชื่อวางใจในการจัดเตรียมและการเลี้ยงดูจากพระเจ้า อาเมนนะครับ ขอบคุณพระเจ้า
นางมารีย์คลอดพระเยซูด้วยความปลอดภัยทั้งแม่และลูก แม้ไม่มีห้องว่างให้พวกเขา แม้ต้องเดินทางไกลมาอย่างเหน็ดเหนื่อย เสี่ยงชีวิตแม่และลูกในครรภ์ ภัยของโจรในการเดินทาง
วางใจในการจัดเตรียมจากพระเจ้า กุมารเยซูพันผ้าอ้อม นอนอย่างอบอุ่นอยู่ในรางหญ้า
ประการที่สองแล้วนะครับ คนที่พระเจ้าโปรดปราน ได้รับสันติสุขจากพระเจ้า คือ คนที่รู้ว่า สันติสุข ไม่ได้ขึ้นอยุ่กับสถานการณ์ภายนอก
ประการที่สามครับ คือ คนที่พระเจ้าโปรดปราน ประทานสันติสุข ให้คือ คนที่
(3) มีใจถ่อมและเชื่อฟัง
สันติสุข แท้สำหรับผู้ที่ถ่อมใจและเชื่อฟัง
เราเห็นตัวอย่างของการถ่อมใจ และเชื่อฟัง จาก ครอบครัว นางมารีย์ โยเซฟ บรรดาคนเลี้ยงแกะ และ พระเยซูคริสต์เอง
ทีละคนเลยนะครับ
นางมารีย์เป็นแบบอย่างของการมีใจถ่อมและเชื่อฟัง ยอมตามน้ำพระทัยพระเจ้า เมื่อทูตสวรรค์มาบอกว่าเธอจะตั้งครรภ์ด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ แม้ว่าเธอยังคงเป็นสาวพรหมจารี อายุเธอในเวลานั้นไม่น่าเกิน ยี่สิบปี อาจจะ 16 หรือ 17 ปี ยอมถ่อมใจเชื่อฟัง แม้รู้ว่าจะต้องตกเป็นจำเลยสังคม ท้องก่อนแต่ง ถูกชาวบ้านซุบซิบนินทาว่า ท้องก่อนแต่ง เสียอนาคต เสียชื่อเสียง แต่เธอก็ยอมถ่อมใจเชื่อฟัง เธอตอบกับฑูตสวรรค์เมื่อทูตสวรรค์กล่าวกับเธอในลูกา บทที่ 1 “มารีย์เอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะเธอเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน... นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเป็นทาสขององค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าพร้อมที่จะเป็นไปตามคำของท่าน”
เราเห็นหัวใจของนางมารีย์ หัวใจที่ถ่อมและเชื่อฟัง แม้ตัวเองจะต้องสูญเสีย เสียชื่อเสียง เสียอนาคต อับอาย เสียคู่หมั้นคือ โยเซฟ และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วย ถ้าถูกเอาเรื่องตามธรรมบัญญัติ
สันติสุข จากพระเจ้า จึงอยู่กับเธอ เพราะเธอรู้ว่า นี่คือ น้ำพระทัยพระเจ้า เธอ มีใจถ่อมและเชื่อฟัง
คนที่สองโยเซฟ โยเซฟเป็นคนดีมาก ตั้งใจจะถอดหมั้นอย่างลับๆ จนทูตสวรรค์มาแจ้งความจริงทั้งหมดในความฝัน โยเซฟก็เลือกที่จะ ถ่อมใจเชื่อฟัง รับนางมารีย์มาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และ รับกุมารเยซูเป็นบุตรบุญธรรม ด้วยความเต็มใจ แน่นอน หมายความว่า เมื่อโยเซฟตัดสินใจแบบนั้น เขาก็เข้าร่วมทนทุกข์กับนางมารีย์ ยอมเสียชื่อเสียง ยอมอับอาย ยอมเป็นที่ซุบซิบนินทาของเพื่อนบ้าน ไปด้วย
บรรดาคนเลี้ยงแกะ ก็มีความถ่อมใจเชื่อฟัง เมื่อทราบข่าวการประกาศจากทูตสวรรค์ในพระคัมภีร์ในบ่ายวันนี้ ต่างก็พากันเดินทางมาที่หมู่บ้านเบธเลเฮ็ม หานางมารีย์จนเจอตามสิ่งที่ทูตสวรรค์ได้บอกไว้ และได้เข้าเฝ้าทารกพระเยซู พบสันติสุข ความชื่นชมยินดีในค่ำคืน คริสตมาสแรก
พระเยซูพระองค์เอง ก็ถ่อมพระทัย และเชื่อฟัง ทรงยอมมารับสภาพมนุษย์ จากพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง คริสตมาสแรก ทรงถ่อมพระทัย มารับสภาพเป็นเหมือนสิ่งทรงสร้างของพระองค์ เป็นทารกที่อ่อนแอ ที่ต้องพึ่งพาการเลี้ยงดูของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์นี้ ผ่านนางมารีย์และโยเซฟ มาบังเกิดในครอบครัวธรรมดาๆ ที่ไม่ได้ร่ำรวย หรือมีอำนาจใดๆ และที่สำคัญมาประสูติในคอกสัตว์ ไม่มีแม้แต่ห้องนอนที่สะดวกสบายในโรงแรมดีๆ และ พระคริสต์ก็ทรงถ่อมพระทัย และเชื่อฟังพระเจ้าพระบิดาจนถึงความตายที่ไม้กางเขน เพื่อที่เราจะมีชีวิตและได้รับการไถ่
พี่น้องครับ ให้ คริสตมาส นี้เป็นคริสตมาสที่เราเข้ามาระลึกถึงพระเยซู คริสต์ องค์สันติราช ให้สันติสุขจากพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ ได้ครอบครองจิตใจของเราไว้ เพราะเรามีพระเยซูในชีวิตของเรา ให้คริสตมาสนี้เราเชิญพระเยซูให้เสด็จเข้ามาในชีวิตของเรา ให้เราเป็นคนที่พระเจ้าทรงโปรดปราน เพราะเรารู้ว่า สันติสุขแท้ มาจากเบื้องบน การเสด็จมาของพระคริสต์ ไม่ถึงอยู่กับสถานการณ์ภายนอก และ มีใจถ่อมและเชื่อฟัง ตามน้ำพระทัยพระเจ้าในชีวิตของเรา อาเมนนะครับ ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
Related Media
See more
Related Sermons
See more